xs
xsm
sm
md
lg

เช็กตัวเต็ง “ดร.รุ่ง-กอบศักดิ์-เอกนิติ”และ “ม้ามืด” ชิงผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ใครจะวิน? ** “สส.กฤษฎิ์”ประกาศแยกทางพรรคส้ม เตรียมซบกล้าธรรม แต่ “หัวหน้าเท้ง” บอกจะดองงูเห่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส- ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล-ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ เช็กตัวเต็ง “ดร.รุ่ง-กอบศักดิ์-เอกนิติ”และ “ม้ามืด” ชิงผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ใครจะวิน?

เก่าจะไป ใหม่ใครจะมา? สำหรับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยน่าสนใจติดตามยิ่ง

คนเดิม “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” กำลังจะหมดวาระลง ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ตอนนี้กระบวนการสรรหาได้เริ่มประกาศรับสมัครแล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน (13พ.ค.) เป็นวันแรก ไปจนถึง 4 มิ.ย.นี้

กวาดตาตามหน้าสื่อและวงซุบซิบ ในรั้วบางขุนพรหมก็ต้องบอกว่า มีชื่อผู้ที่อาจจะเป็น “คนที่ใช่” ออกมาด้วยกันหลายคน ในจำนวนนี้มีทั้ง “ตัวเต็ง” และ “ม้ามืด” ที่น่าจับตา

ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส
เริ่มจากตัวเต็ง ว่ากันว่า มีด้วยกัน 3 คน ได้แก่ “ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส (โปษยานนท์ )” รองผู้ว่าการธปท. ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ถือแต้มต่อด้วยความเป็น“ลูกหม้อ”แบงก์ชาติ หรือจะเรียกว่า แบงก์ชาติส่งเข้าประกวดก็ไม่ผิดนัก

เธอจบเอกเศรษฐศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT และ ระดับปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากฮาร์เวิร์ด ทำงานในธปท.ยาวนานกว่า 20 ปี ดูแลด้านนโยบายการเงิน สถาบันการเงิน และบริหาร เรียกว่าผ่านงานมาครบทุกด้านของธนาคารแห่งประเทศไทย

“ดร.รุ่ง”เป็นบุตรสาวของ “ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.โกวิทย์ โปษยานนท์” ประสบการณ์ทำงานโชกโชน ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน-การคลัง เคยรับตำแหน่งทั้งหน่วยงานราชการ เคยเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง, อธิบดีกรมสรรพสามิต , อธิบดีกรมสรรพากร ,องค์กรอิสระ และ ภาคเอกชน เคยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยมาแล้ว
จากโปรไฟล์ดังกล่าวต้องถือว่า “ดร.รุ่ง” น่าจะรุ่งสมชื่อ หากลงรับสมัครสรรหา

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ตัวเต็งคนที่สอง คือ“ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และอุปนายก สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย

หากยังจำกันได้ “ดร.กอบศักดิ์” ผู้นี้คืออดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลลุงตู่ หรือ หนึ่งใน “สี่กุมาร” ของทีม “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” นั่นเอง คนนี้ก็ต้องถือว่าโปรไฟล์ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ดร.กอบศักดิ์ มีดีกรีจบระดับปริญญาตรี สาขาคณิตศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ จากวิทยาลัยวิลเลียมส์ ปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์มหภาค และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ จากการได้รับทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย

กลับมาทำงานที่ธปท. เป็นเวลา14 ปี เติบโตขึ้นเป็นระดับผู้บริหารฝ่ายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ส่วนกลยุทธ์นโยบายการเงิน สายนโยบายการเงิน และส่วนเศรษฐกิจมหภาค

ต่อมาถูกยืมตัวไปที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระหว่างปี 2551- 2552 ในตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารสถาบันวิจัยตลาดทุน ในปี 2553 ได้ลาออกจากแบงก์ชาติ เข้าร่วมงานกับธนาคารกรุงเทพ

เรียกว่า หากเทียบปอนด์ต่อปอนด์ “ดร.กอบศักดิ์” กับคนในแวดวงตลาดเงิน-ตลาดทุน ต้องถือว่าไม่ด้อยไปกว่าใคร

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
ขณะที่คนที่ 3 ที่สื่อยกให้เป็น“ตัวเต็ง”ได้ หากคิดลงสมัครก็คือ “ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมธนารักษ์
“ดร.เอกนิติ” จบปริญญาเอกจากแคลร์มอนต์ ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากอิลลินอยส์ เติบโตบนเส้นทางการรับราชการกระทรวงการคลัง มาเป็นอย่างดี

เรียกว่า เป็นเทคโนแครตรุ่นใหม่ ที่ฝีไม้ลายมือมากความสามารถที่มองข้ามไม่ได้เลย

ว่ากันว่า นอกจาก “3 ดร.” ตัวเต็งดังกล่าว หากมองถึง “ม้ามืด” ที่อาจจะพลิกแซงทางโค้งได้ ก็ต้องบอกว่ามีชื่อของ “ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” อดีตผู้บริหารงานธนาคาร และผู้ก่อตั้ง บ.อบาคัส ดิจิทัล

“ดร.สุทธาภา” จบปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์จาก MIT จบปริญาตรี คณิตศาสตร์ จากฮาร์เวิร์ด คล้ายๆกับดร.รุ่ง โดยเริ่มต้นจากทำงานที่สำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และ เคยทำงานกับ IMF มาแล้ว

ขณะที่นามสกุล “อมรวิวัฒน์ ”เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง อีกด้วย

ตามมาด้วย “ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ” อดีตรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (SCB)
“ดร.สมประวิณ” ยังเคยเป็นรองคณบดี และรองศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการชื่อดังที่มีผลงานวิชาการมากมาย

ม้ามืดที่น่าจับตามองอีกคน ก็คือ “ดร.สันติธาร เสถียรไทย” ตำแหน่งปัจจุบันเป็น Future Economy Advisor สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ว่ากันว่ามีเส้นทางการทำงานคล้ายกับ “เศรษฐพุฒิ” ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนปัจจุบัน

นี่เป็น 3 ตัวเต็ง และ 3 ม้ามืด ที่ปรากฏชื่อออกมาในชั่วโมงนี้ จากนี้จนกว่าจะถึงวันปิดรับสมัคร 4 มิ.ย. อาจจะมี “ตัวเต็ง” โผล่มาอีกหลายคน และในตัวเต็งเหล่านี้ ถึงเวลาอาจจะกลายเป็น “ตัวเกร็ง” ไม่ลงสมัคร ก็เป็นได้

ขณะที่ “ม้ามืด”ก็เช่นเดียวกันเป็นไปได้มากว่า จะมีอีกหลายตัวโผล่ออกมาได้ ก็ต้องติดตามกันต่อไป

กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์
++ “สส.กฤษฎิ์”ประกาศแยกทางพรรคส้ม เตรียมซบกล้าธรรม แต่ “หัวหน้าเท้ง” บอกจะดองงูเห่า

“กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์” สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน เปิดแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (13พ.ค.) ประกาศแยกทางกับ พรรคประชาชน เตรียมย้ายซบ พรรคกล้าธรรม

บทบาทที่ผ่านมาของพรรคประชาชน (อดีตพรรคก้าวไกล) ก็เห็นกันอยู่ ว่านอกจากเคลื่อนไหวมวลชน มุ่งแก้ ม.112 โดยอ้างว่าจะปฏิรูปสถาบัน และ เรื่องลดกำลังทหาร ลดขนาดกองทัพ... ส่วนเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง เรื่องทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล แทบไม่เห็นมี

และเหตุผลของ “สส.กฤษฎิ์” ที่ต้องการแยกทางกับพรรคประชาชน เพราะทำงานร่วมกันแทบไม่ได้ เพราะอุดมการณ์และ แนวทางการทำงานต่างกัน คือ พรรคมีเป้าหมายเน้นสร้างพรรค ไม่ได้เน้นสร้างคน การทำงานจึงเป็น ประเด็นการสร้างกระแส สร้างความนิยมให้กับพรรคเป็นหลัก เรื่องผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องรอง

และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ต้องแตกหักก็คือ เรื่องที่ “สส.กฤษฎิ์” อภิปรายขอบคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชบาย ที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำบนเกาะสีชัง และได้ขอขออนุญาตทางพรรค เป็นตัวแทนราษฎรในการเข้าเฝ้าฯ และขอให้กระทรวงมหาดไทย ทำงบประมาณเพื่อวางท่อประปา ต่อน้ำจากเกาะสีชังเพื่อไปยังอ่างเก็บน้ำ เมื่อหารือจบ ก็ถูก สส.คนหนึ่งมาต่อว่า ว่าไม่เหมาะสมที่พูดเช่นนั้น และมีสส.อีกหลายคน แสดงออกถึงความไม่พอใจ

และหลังจากนั้น ก็มีข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่า ทางพรรคได้หาผู้สมัครคนใหม่มาแทนตนเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า

สุดท้าย “สส.กฤษฎิ์” ตัดสินใจทำหนังสือถึงพรรคขอให้ขับออกจากพรรคตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่เรื่องเงียบ

ส่วนที่ประกาศตัดสินใจจะย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม เพราะว่า เคยไปขอร้อง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ในช่วงที่เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกให้ช่วยทำอ่างเก็บน้ำ ครั้งที่ 2 ขอให้มาช่วยดูปัญหาให้ชาวประมงในพื้นที่ พอบอกปุ๊บ “ร.อ.ธรรมนัส” ก็ทำให้ปั๊บ จึงเห็นว่าท่านเป็นคนที่ทำงานช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง
ก่อนที่ “สส.กฤษฎิ์” จะเปิดแถลงข่าว 1 วัน ก็ได้ให้สัมภาษณ์สื่อไปว่า จะเปิดแถลงเรื่องนี้ ทำให้ ระหว่างแถลงข่าวก็มี “ด้องส้ม” มาก่อกวน ตะโกนแทรกเป็นระยะ เช่น ... ถ้าแน่จริงก็ลาออก ลองลงสมัคร โดยไม่สังกัดพรรคที่คุณอยู่ พรรคประชาชนไม่ใช่ที่ที่จะให้คุณมาชุบตัว... คุณเป็นงูเห่า...

“สส.กฤษฎิ์” จึงชี้แจงว่า ที่ไม่ลาออก เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณในการเลือกตั้งใหม่ และตนก็ยังต้องการทำหน้าที่สส. ตามที่ประชาชนคาดหวัง

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
บรรดา“ด้อมส้ม” ที่เข้ามาก่อกวนการแถลงข่าว เริ่มป่วนหนักขึ้น ทำให้ “สส.กฤษฎิ์” ต้องจบการแถลงข่าวและเดินเลี่ยงไป แต่ก็ไม่วายถูกล้อมหน้า ล้อมหลัง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ พาตัว “สส.กฤษฎิ์” ออกไป ท่ามกลางเสียงตะโกนไล่หลัง

... หนีทำไม หน้าด้าน ขายตัว เสียงบประมาณภาษีประชาชน ไสหัวไป ลาออกไป ...

หลังสถานการณ์สงบลง “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็ออกมาชี้แจง ตอบโต้ ว่าไม่เคยปิดกั้นการทำงานของสส. และเรื่องที่ “สส.กฤษฎิ์” แถลงนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความไม่พึงพอใจส่วนตัว ไม่ได้เป็นเรื่องของปัญหาอุปสรรคในการทำงาน

ส่วนหนังสือที่ยื่นมาถึง ตนเอง และกรรมการบริหารพรรค แจ้งขอยุติบทบาท ด้วยการออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ขอให้ช่วยขับออกจากพรรคด้วยนั้น

“เท้ง” ตีความว่า หนังสือฉบับนี้ ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ต้องการลาออกจากสมาชิกพรรค ย่อมมีผลแล้ว แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย พรรคจะยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตีความ ว่าเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ หากผลตอบกลับมาว่าเป็นหนังสือลาก็ถือว่า สิ้นสภาพ สส.ไปแล้ว

แต่ถ้าไม่ได้เป็นการลาออก ทางพรรคก็จะมีมาตรการลงโทษ คือไม่มีมติขับออก เขาต้องไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ คือ ไม่สามารถย้ายไปยังพรรคการเมืองอื่นได้

“...การขับออกตอนนี้ ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม แต่ทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นทางเลือกสำรอง ในกรณีที่ถูกตีความว่า หนังสือฉบับนี้ไม่ได้เป็นการลาออกจากสมาชิกพรรค ก็คือการดองงูเห่าเท่านั้น”

งานนี้ อย่าคิดว่าจะสมหวังง่ายๆ

เรื่องนี้ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นคนชลบุรีด้วยกัน แสดงความเห็นว่า จริงๆแล้ว เป็นเอกสิทธิ์ของสส. ที่จะขยับขยาย การที่อยู่แล้วมีความสุข หรือไม่มีความสุข ตรงนั้นเราไม่สามารถไปตัดสินใจแทนได้

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตัว“เสี่ยเฮ้ง”เองก็จะย้ายพรรคเหมือนกันนั้น เจ้าตัวบอกว่า วันนี้ยังอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่วันข้างหน้า ไม่สามารถบอกได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ผ่านมาก็ย้ายมาหลายพรรคแล้ว ตั้งแต่ปี 54 ก็พรรคหนึ่ง ปี 62 ก็พรรคหนึ่ง ปี 66 ก็อีกพรรคหนึ่ง เราไปอยู่ตรงไหนที่คิดว่าเราทำงาน และมีความสุขก็ไปอยู่ตรงนั้น

อ้าว! “เสี่ยเฮ้ง” ก็มีแผนจะย้ายพรรคเหมือนกันหรือนี่!!
กำลังโหลดความคิดเห็น