ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันจันทร์(12พ.ค.) อวดอ้างเครดิตสำหรับการมีส่วนช่วยเป็นคนกลาง ในข้อตกลงหยุดยิงโดยสมบูรณ์และในทันที ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นก้าวย่างประวัติศาสตร์ในการยุติ "ความขัดแย้งที่อันตราย" ระหว่าง 2 ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์
"ขอผมพูดไม่กี่คำเกี่ยวกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อน เมื่อวันเสาร์ รัฐบาลของผมเพิ่งช่วยเป็นคนกลางข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบและในทันที ผมคิดว่ามันเป็นการหยุดยิงถาวรระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ยุติความขัดแย้งที่เป็นอันตรายระหว่าง 2 ชาติ ที่มีอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมาก"
ทรัมป์ กล่าวต่อว่าเขารู้สึกภูมิใจที่สหรัฐฯช่วยหยุดความเป็นไปได้ของสงครามนิวเคลียร์ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ที่อาจเข่นฆ่าผู้คนหลายล้านชีวิต "เราหยุดความขัดแย้งนิวเคลียร์ ผมคิดว่ามันจะเป็นสงครามนิวเคลียร์เลวร้าย ผู้คนหลายล้านชีวิตอาจต้องตาย ดังนั้น ผมจึงรู้สึกภูมิใจมาก" ผู้นำสหรัฐฯบอกกับพวกผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว
ประธานาธิบดีรายนี้เปิดเผยต่อว่าสหรัฐฯใช้ประเด็นทางการค้า เป็นตัวงัดข้อคลายความตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถาน พร้อมอวดอ้างว่าท่าทีของเขา กระตุ้นให้ทั้ง 2 ฝ่าย รุดถอยกลับในทันที
"เรามีส่วนช่วยอย่างมาก และเราใช้ประเด็นการค้าเข้าช่วยเช่นกัน ผมบอกว่าเรากำลังจะทำการค้ากับปากีสถานต่างๆนานามากมาย ดังนั้นจงหยุดมันซะ คนอื่นไม่เคยใช้ประเด็นทางการค้าในแบบเดียวกับที่ผมใช้ และทันใดนั้น ผมคิดว่า พวกเขาคงคิดในใจว่า เราคงต้องหยุดแล้ว" ทรัมป์กล่าวอ้าง
เมื่อวันเสาร์(10พ.ค.) ทรัมป์ แถลงข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอินเดียและปากีสถาน ด้วยตนเอง เน้นย้ำว่า "มันถึงเวลาแล้วที่จะหยุดความก้าวร้าวในปัจจุบัน ที่อาจนำมาซึ่งความตายและการทำลายล้ายมากมายมหาศาลเหลือเกิน"
นับตั้งแต่นั้น ทั้ง 2 ปรกาศได้ระงับความเป็นปรปักษ์ แต่ยังคงอยู่ในความระแวดระวัง และเตือนอีกฝ่ายต่อการล่วงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงใดๆ
อนึ่ง การสู้รบระหว่างอินเดียกับปากีสถานระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม หรือสองสัปดาห์หลังการโจมตีในเมืองพาฮาลแกมแคว้นแคชเมียร์ฝั่งอินเดียที่มีผู้เสียชีวิต 26 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวฮินดู และอินเดียกล่าวหาว่า ปากีสถานเป็นผู้ให้การสนับสนุน ทว่า อิสลามาบัดยืนกรานปฏิเสธ
(ที่มา:ฮินดูสถานไทม์ส)