รัสเซียส่งโดรน 108 ลำโจมตีทั่วยูเครนเมื่อคืนวันอาทิตย์ (11 พ.ค.) หลังจากเซเลนสกี้ที่เจอแรงกดดันจากทรัมป์ ท้าทายให้ปูตินไปพบกันตัวต่อตัวที่ตุรกีปลายสัปดาห์นี้ กระนั้นก็ย้ำให้รัสเซียยอมรับข้อเสนอหยุดยิงทันที 30 วันโดยไม่มีเงื่อนไข
การท้าทายในวันอาทิตย์ของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ (10) พวกผู้นำยุโรปร่วมกับยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียยอมหยุดยิง 30 วันโดยปราศจากเงื่อนไขตั้งแต่วันจันทร์ (12 พ.ค.) เป็นต้นไป ไม่เช่นนั้นก็จะถูกแซงก์ชันรอบใหม่ แล้วปรากฏว่าในวันต่อมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งไม่ได้ตอบข้อเรียกร้องแกมข่มขู่นี้โดยตรง กลับตอบโต้ด้วยการเสนอให้จัดการหารือโดยตรงระหว่างรัสเซียกับยูเคร โดยที่ปราศจากการตั้งเงื่อนไขใดๆ ณ นครอิสตันบูล ของตุรกี ในวันพฤหัสฯ (15) นี้
ทว่า แทบจะในทันทีนั้น ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การหารือที่อิสตันบูลต้องอยู่บนพื้นฐานของร่างข้อตกลงสันติภาพปี 2022 และสถานการณ์ปัจจุบันในสนามรบ ซึ่งหมายความว่า เคียฟต้องตกลงว่า จะคงสถานะประเทศที่เป็นกลางถาวรแลกกับการรับประกันความมั่นคง รวมทั้งยอมรับว่า รัสเซียควบคุมพื้นที่กว้างขวางในยูเครน โดยที่ในปัจจุบันเคียฟยืนกรานว่า การตกลงตามเงื่อนไขในร่างข้อตกลงปี 2022 เท่ากับเป็นการยอมจำนนต่อมอสโก
แรกทีเดียวนั้น ยูเครนและพันธมิตรยุโรปร่วมกันเรียกร้องในวันเสาร์ ให้รัสเซียยอมรับข้อตกลงหยุดยิงที่พวกเขากำหนดให้เริ่มต้นตั้งแต่วันจันทร์ ก่อนจัดเจรจาสันติภาพ ทว่า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากดดันเซเลนสกี้ ด้วยการโพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล ให้เคียฟตกลงรับข้อเสนอของปูตินทันที เซเลนสกี้จึงออกมาโพสต์ใหม่เมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า จะไปรอปูตินที่อิสตันบูลในวันพฤหัสฯ และหวังว่า ครั้งนี้รัสเซียจะไม่หาข้ออ้างหลบเลี่ยงอีก
ต่อมาในวันจันทร์ เซเลนสกี้โพสต์อีกครั้งบนเทเลแกรมว่า ยูเครนต้องการยุติสงครามและกำลังพยายามทุกอย่างเพื่อการนี้ และหวังว่า รัสเซียจะดำเนินการอย่างเหมาะสม
ปรากฏว่า ตลอดคืนวันอาทิตย์ ยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ระดมโจมตีทั่วยูเครนด้วยโดรนชาเฮดและโดรนเป้าลวง 108 ลำ โดยที่เคียฟอ้างว่า สามารถยิงโดรน 55 ลำในจำนวนนี้ร่วง
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของยูเครนเปิดเผยว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน และบาดเจ็บ 6 คน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับทางรถไฟและอาคารที่พักอาศัยหลายแห่งได้รับความเสียหาย
นอกจากนั้นรัสเซียยังยิงระเบิดนำวิถีโจมตีเป้าหมายหลายแห่งในแคว้นคาร์คีฟทางตะวันออกเฉียงเหนือและแคว้นซูมีทางเหนือของยูเครน
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มไวมาร์+ โดยมีคาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) เข้าร่วมหารือด้วย การประชุมนี้จะโฟกัสที่การขับไล่กองทัพรัสเซียผู้รุกรานออกจากยูเครน และการเสริมสร้างความมั่นคงของยุโรป
ทั้งนี้ กลุ่มไวมาร์+ประกอบด้วยเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี โปแลนด์ และสเปน ก่อตั้งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อรับมือการเปลี่ยนนโยบายของทรัมป์เกี่ยวกับสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียและความมั่นคงของยุโรปโดยรวม
คัลลาสย้ำเมื่อวันจันทร์ว่า ถ้าไม่มีข้อตกลงหยุดยิง การเจรจาสันติภาพจะไม่สามารถเริ่มต้นขึ้นได้ พร้อมกล่าวหารัสเซียต้องการเล่นเกมเพราะจริงๆ แล้วไม่ได้ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการทำสงครามต่อไป
ขณะที่แลมมีกล่าวว่า ผู้นำยุโรปกำลังเผชิญสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่จะพบได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต และความท้าทายที่เผชิญอยู่ขณะนี้ไม่ใช่อนาคตของยูเครนเท่านั้น แต่หมายถึงความอยู่รอดของยุโรปโดยรวม
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)