xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” ดวงแตก! เริ่มจากกลางปี 68 ต่อเนื่องไปถึงปี 69 และ 70 ** "นพดล" วอนขอเมตตา "นายใหญ่ชั้น14" เจอสวนเมตตากับความถูกต้องเป็นคนละเรื่อง !

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ทักษิณ ชินวัตร -นพดล ปัทมะ
++ “ทักษิณ” ดวงแตก! เริ่มจากกลางปี 68 ต่อเนื่องไปถึงปี 69 และ 70

เพราะ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นคน อีโก้จัด อีโก้สูง ประกาศจะกลับมาอย่างเท่ แบบไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ความมั่นใจยิ่งสูงขึ้น เมื่อพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

จึงเกิดเหตุการณ์ชั้น 14 ที่หมอ รพ.ราชทัณฑ์ และหมอ รพ.ตำรวจ รวมทั้งบุคลากรอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมด้วยช่วยกัน บอกว่า “ทักษิณ” ป่วยวิกฤต ต้องมาพักรักษาตัวที่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นเวลาถึง 6 เดือน ก่อนจะถึงเกณฑ์พักโทษ ได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ถึงวันนี้ แพทยสภา มีมติลงโทษ หมอ 3 คน โดยสั่งพักการใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน อีกคนถูกว่ากล่าวตักเตือน เพราะไม่ปรากฏข้อมูลการรักษาว่า“ทักษิณ”ป่วยวิกฤตจริง

ทักษิณ ชินวัตร
มีการวิเคราะห์วิจารณ์กันว่า มติของแพทยสภาครั้งนี้ จะนำไปสู่ข้อยุติของ ป.ป.ช. ที่จะชี้มูลความผิดของผู้ที่ช่วยเหลือ “ทักษิณ” โดยไม่ต้องรอ“เวชระเบียน” ที่เป็นข้อมูลรายละเอียดการรักษา ซึ่ง ป.ป.ช.ขอไปทาง รพ.ตำรวจ แต่ไม่ได้รับ ด้วยเหตุผลว่าเป็นความลับส่วนบุคคล

มติของแพทยสภา ยังจะเป็นข้อมูลหลักฐาน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้ประกอบการไต่สวน เพื่อชี้ขาดว่า ที่ผ่านมานั้น ทักษิณ “ติดคุกทิพย์” ตามที่สังคมเห็นกันอยู่หรือไม่

นักกฎหมายหลายคนออกมาแสดงความเห็นแบบฟันธงว่า งานนี้ “ทักษิณ” จะต้องกลับไปติดคุกใหม่ ไปเริ่มนับ 1 ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโทษจำคุก 8 ปี หรือ 1 ปี ก็ตาม

ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล
ถ้าถึงที่สุดจะเป็นอย่างนั้น แล้วคนอีโก้สูงอย่าง “ทักษิณ”จะยอมกลับไปติดคุกหรือ !?

ถ้าหนี “ทักษิณ” ก็ต้องหนีอย่างเท่ๆ แบบนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไป ไม่ใช่ใช้ “ทางหมาลอด” ผ่านไปทางกัมพูชา ทั้งที่ถ้าเลือกเส้นทางนี้ “ฮุนเซน” เพื่อนรัก ก็จะส่งคนมารับที่ชายแดนด้วยความยินดีอยู่แล้ว

ถ้าเลือกที่จะหนี ก็ยังมีข้อห่วงหน้า พะวงหลัง จะปล่อยให้ “อุ๊งอิ๊งค์” ลูกสาวสุดที่รัก ต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองโดยลำพังอย่างนั้นหรือ ?

ต้องไม่ลืมว่า “ทักษิณ” เป็นคนดึง “อุ๊งอิ๊งค์”เข้ามาในเส้นทางการเมือง และขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นภริยา ไม่เห็นด้วย แต่ “ทักษิณ” ก็ยอมขัดใจ เพราะไม่ไว้ใจที่จะให้คนนอกมาเสวยอำนาจ ขณะที่ “อุ๊งอิ๊งค์” ก็อยากเป็นนายกฯหญิง ตามอย่าง “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บ้าง

ขืนมาทิ้งกันกลางทางอย่างนี้ “คุณหญิงอ้อ” เอาตาย !!

ฟองสนาน จามรจันทร์
ว่ากันตามตรงแล้ว ประชาชนส่วนหนึ่ง ที่ยอมทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น ในความชอบธรรม กติกา ข้อกฎหมาย ยอมให้“ทักษิณ” มาเป็นคนกำกับดูแลรัฐบาลนี้ เพราะหวังใน “นโยบายประชานิยม” หวังว่าทักษิณ จะแจกเงิน แจกโน่น นี่นั่น

แต่ 2 ปีที่ผ่านมา เป็นไงล่ะ แจกเงินดิจิทัลฯ ก็แจกไม่ครบ ค่าแรงขั้นต่ำอย่าว่าแต่ 600 บาทตามที่หาเสียงเลย แค่ 400 บาทยังฝนตกไม่ทั่วฟ้า ปัญหาปากท้องรุมกระหน่ำ สินค้าเกษตรตกต่ำซ้ำเติม

ตอนนี้ในหัวของ “ทักษิณ” มีแต่กาสิโน กับ พนันออนไลน์ ทำให้ประชาชนเริ่มหมดความหวังกับของฟรี

ถ้า “ทักษิณ” หนี รัฐบาลก็พัง เพราะต้องยอมรับว่า รัฐบาลที่ยังอยู่ได้แบบประคองกันไป ท่ามกลางความขัดแย้งกับพรรคร่วมฯ อย่างภูมิใจไทยนั้น เป็นเพราะบารมีของทักษิณ ไม่ใช่บารมีของ “นายกฯอิ๊งค์”

ถ้าล้ม ก็ล้มเป็นโดมิโน ถึง“อุ๊งอิ๊งค์”ด้วย ดีไม่ดีมีคุกแถม จึงเป็นการตัดสินใจที่ยากมาหาก ทักษิณจะหนี!

บุษรินทร์ ปัทมาคม
ส่วนที่ “ทักษิณ”ไปยื่นขออนุญาตศาลอาญาออกนอกประเทศ โดยอ้างว่าได้รับการเชื้อเชิญจากผู้ครองนครรัฐกาตาร์ ให้ไปเยือน และหวังว่าการไปครั้งนี้จะได้เจอกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เดินทางมาตะวันออกกลางด้วย ก็จะใช้โอกาสนี้ เจรจาเรื่องที่ไทยถูกตั้งกำแพงภาษีในอัตราสูง

แต่ศาลฯยกคำร้อง เพราะเห็นว่า เป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งไม่มีกำหนดการชัดเจนว่าจะได้พบ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ไหน เมื่อไร เป็นเพียงการคาดหมายเอาเองเท่านั้น

เรื่องนี้ คนส่วนใหญ่มองว่า “ทักษิณ” ขอออกนอกประเทศเพื่อไปตั้งหลัก ดูทางหนีทีไล่ ขณะที่หลายๆ คนมองว่า ขอไปต่างประเทศ หมายถึง หนี!

แต่มีเสียงซุบซิบจากคนวงในใกล้ชิด บอกว่า “ทักษิณ” มีความเชื่อเรื่องดวง เรื่องโหราศาสตร์ โชค เคราะห์ ที่ขอออกนอกประเทศ เพียงเพราะต้องการออกไปให้พ้นอิทธิพลของ “ราหู” เป็นการชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อศาลไม่อนุญาต ทำให้ “ทักษิณ” ต้องอยู่เผชิญกับอิทธิพลของราหู ซึ่งในทางโหราศาสตร์นั้น หากราหู อยู่ในตำแหน่งที่ดี ก็จะส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ความสำเร็จ แต่ถ้าอยู่ในตำแหน่งเสีย หรือสัมพันธ์กับบาปเคราะห์ ก็จะนำมาซึ่งปัญหา และความสูญเสีย

ในเมื่อ “ทักษิณ”เชื่อเรื่องดวง เรื่องโหราศาสตร์ ก็ต้องมาย้อนดูคำทำนายทายทักของบรรดา“โหราพยากรณ์” ที่ให้ไว้ในช่วงต้อนรับปีใหม่ ปี “มะเส็ง” 2568 เกี่ยวกับเกณฑ์ชะตาทางการเมือง ของ “ทักษิณ” ว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เห็น ที่เป็นอยู่ในช่วงนี้ หรือไม่

“ซินแส ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล” บอกว่า ปี 2568 จะเป็นปีที่ “ทักษิณ” ต้องหงุดหงิด ไม่สบายใจ ไม่ได้ดั่งใจหวัง มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง ให้เดือดเนื้อร้อนใจ มีเรื่องของความขัดแย้งเข้ามาเกี่ยวข้อง ต่อจากนั้นในปี 2569 จะเป็นปีแห่งศัตรู จะมีเรื่องคดีความเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปี 2570 จะเป็นปีที่ดวงชะตาถึงฆาต ต้องแตกแยกพลัดพราก และอาจถึงขั้นตายจาก

ขณะที่ “แม่หมอ” ฟองสนาน จามรจันทร์ พยากรณ์ดวง “ทักษิณ”เอาไว้ว่า นอกจากปัญหาสุขภาพ กรรมเก่าแรงแล้ว แต่ยังพอมีภาพบวก คือ สู้แล้วได้ แต่ก็มีภาพลบที่แทรกเข้ามา โดย“ลบแรก”ในช่วงเดือนพฤษภาคม เปรียบเป็นปรากฏการณ์ ฝนตกขี้หมูไหล มีเหตุการณ์อะไรเกิดในชีวิตให้รับมือ ส่วน “ลบที่สอง” เป็นช่วงกลางเดือนพ.ค. ถึงปลายเดือนส.ค.68 ชีวิตจะทุกข์ระทม ห่วงหน้าพะวงหลัง แถมเป็นประเด็นเกี่ยวกับลูกๆ หรือเด็กๆ ในความดูแลเสียด้วย

ส่วน “โหรบุษรินทร์ ปัทมาคม” ทำนายว่า “ทักษิณ” ในปี 2568 จะเหนื่อยหน่อย เพราะดาวอังคารเดิมอยู่ในเรือนวินาศ จากนั้นจะเดินหน้าและถอยหลัง ทับลัคนา ทำให้อยู่ไม่เป็นสุข เดือดร้อนรำคาญ เป็นปีที่เผชิญอุปสรรคเยอะ ถูกโจมตีเรื่อยๆ ต้องรับศึกหนัก ส่วนจะผ่านไปได้หรือไม่ มองว่ายังผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนัก อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง และน่าหนักใจแทน

เรื่องของ“ทักษิณ”จึงเข้าทำนอง...สถานการณ์ต่างๆเกิดจากคนวางแผน คิดคำนวณ แต่จะสำเร็จหรือล้มเหลว บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิต!!

นพดล ปัทมะ
++ "นพดล"วอนขอเมตตา "นายใหญ่ชั้น14" เจอสวนเมตตากับความถูกต้องเป็นคนละเรื่อง !

เจ้าเก่าไม่พูดก็คงไม่มีใครไปว่า แต่พอพูดออกมากลับทำให้ทัวร์มาลงกันตรึม เพราะหลักคิดของ "นพดล ปัทมะ" ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คนที่ได้ยินได้ฟังต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน ...นี่เห็นชาวบ้านเขา "กินหญ้า" หรืออย่างไร?

ดูท่าเจตนาต้องการช่วยกอบกู้สถานการณ์กระแส ชั้น 14ของ "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร “นพดล”จึงยกเหตุผลที่คิดเองว่าเท่ ออกมาเรียกร้องสังคม

บอกว่า ทุกฝ่ายควรเปิดพื้นที่ให้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ตัดสินไปล่วงหน้า และไม่อยากเห็นการกดดันกระบวนการยุติธรรม

“นพดล” ยังว่าแม้เราจะชอบหรือไม่ชอบใครก็ตาม แต่ก็ควรเปิดพื้นที่ให้ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและความยุติธรรมให้เกิดขึ้น และอยากเห็นสังคมไทยมีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน

และพิจารณาเหตุการณ์ความเป็นมาของเรื่องชั้น14 โดยดูความเป็นมาทั้งหมด ไม่ตัดตอนในบางช่วง นอกจากนั้นการสอบสวน หรือการดำเนินการใดๆ ตามกฎหมาย นั้นควรปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการ

ไม่ควรไปสร้างแรงกดดัน ให้กับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถ้าทำเช่นนี้ได้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยให้เกิดขึ้นได้

“นพดล” ปิดท้ายอย่างหล่อๆ ว่า การใช้หลักนิติธรรมนั้น จะต้องใช้สม่ำเสมอกับทุกกรณี ตัวเองเชื่อมั่นในการไต่สวนและกระบวนการยุติธรรม ว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้

นี่เป็นหลักคิดของ “นพดล” ผู้ที่ใกล้ชิดทักษิณ แต่สำหรับชาวเน็ต หรือสังคมต่างมองว่ากรณี "ชั้น14" เป็นเรื่องที่นายใหญ่ของนพดล ทำตัวเอง และความถูกต้อง ชอบธรรม เป็นคนละเรื่องกับความเมตตา หาใช่คนในสังคมเอาอารมณ์ความรู้สึกมาวัด
ทุกอย่างไปตามกระบวนของกฎหมาย และข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ตลอดจนพฤติกรรมของ "นายใหญ่" ของนพดล ไม่มีใครสามารถกดดันระบบกระบวนการยุติธรรมได้

“นพดล”เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?

สิ่งที่สังคมรับรู้มาตลอด คือ ตอนทักษิณกลับไทยมารับโทษยังแข็งแรง ยิ้มร่า แต่ไม่กี่ชั่วโมงถัดมากลับป่วยหนักสารพัดโรค จนต้องมานอนที่ ชั้น 14 แรมปี นั่นคือจุดที่ถูกตั้งคำถามเรื่อง "ป่วยทิพย์" หรือไม่!?

ประชาชนอยากเห็นความยุติธรรมอยู่แล้ว แต่นายใหญ่ของนพดล ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวไปหมด “นพดล” ยังทะเล่อทะล่าออกมาขอสังคมมีเมตตา ปรารถนาดีต่อกัน

เรื่องแบบนี้ “นพดล ปัทมะ” แม้แต่ความคิดขั้นพื้นฐาน ควรจะต้องทบทวนเสียใหม่!

ดูออกแหละว่าจงรักภักดีกับนายใหญ่ มิเสื่อมคลาย แต่อยู่จนปูนนี้ ยังแยกแยะเรื่องราวไม่ได้ คำพูดที่ฝืน และฝืด ดูถูกสติปัญญาชาวประชา ควรคิดเลิกได้แล้ว

นี่ก็เห็นๆ กันอยู่ ว่าผลเป็นอย่างไรในสังคมโซเชียลฯ คนนินทา หมาดูถูก ทั้งน้าน ไม่เชื่อ “นพดล”ก็ลองไปไถฟีต ดูคอมเมนต์ สิ่งที่ตัวเองพูดได้เบย
กำลังโหลดความคิดเห็น