พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องในการเจรจาการค้าระดับสูงกับฝ่ายจีน โผล่ออกจากที่ประชุม 2 วัน อวดอ้างว่า "มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก" และดูเหมือนเป็นการยืนยันว่าทั้ง 2 ชาติบรรลุข้อตกลงหนึ่งๆกันได้แล้ว ที่อาจส่งผลกระทบครั้งใหญ่แก่เศรษฐกิจโลก ท่ามกลางคำยืนยันว่าจะมีการเผยแพร่ถ้อยแถลงร่วมของการเจรจาครั้งนี้ในวันจันทร์(12พ.ค.)
"ผมยินดีที่จะรายงานวว่าเรามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาการค้าที่สำคัญมากๆระหว่างสหรัฐฯกับจีน" สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังอเมริกากล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ วันอาทิตย์(13พ.ค.) เมืองที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม พร้อมเรียกการเจรจาต่อรองครั้งนี้ว่าเป็น "ผลิดอกออกผล"
จามีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้แล้วในวันอาทิตย์(13พ.ค.) ในความพยายามคลี่คลายศึกรีดภาษีตอบโต้กันไปมา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าเกือบทั้งหมดจากจีน 145% ในเดือนที่แล้ว กระตุ้นให้ ปักกิ่ง แก้แค้นด้วยการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ 125%
"ท่านประธานาธิบดีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติและกำหนดมาตรการรีดภาษี และเรามั่นใจว่าข้อตกลงที่เราบรรลุกับคู่หูจีน จะช่วยให้เราทำงานอย่างแน่วแน่ในการคลี่คลายสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติดังกล่าว" เกียร์ระบุ พร้อมบอกต่อว่า "มันเป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจว่า ทำไมเราถึงสามารถบรรลุข้อตกลงนี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าบางทีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันต่างๆนานา อาจไม่มากอย่างที่คิดกัน"
เมื่อสอบถามรัฐมนตรีคลัง ขอความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลง ทาง เบสเซนต์ ตอบว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆในเช้าวันจันทร์(12พ.ค.) ทั้งนี้ เบสเซนต์ เคยบ่งชี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเป้าหมายในการเจรจาของเขาคือลดสถานการณ์ความตึงเครียด ในขณะที่สหรัฐฯและจีนแทบเสมือนปิดกั้นทางการค้าระหว่างกันโดยปริยาย นับตั้งแต่ ทรัมป์ ใช้นโยบายทางภาษีเล่นงานคู่ค้ารายใหญ่แห่งนี้
ทรัมป์ บ่งชี้ก่อนหน้าการเจรจาว่าเขามีความตั้งใจปรับลดอัตรารีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลงเหลือ 80% และต่อมาทำเนียบขาวชี้แจงเพิ่มเติมว่า จีน ก็จำเป็นต้องยอมอ่อนข้อบ้างเช่นกัน
เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนระบุเช่นกันในวันอาทิตย์(11พ.ค.) ว่าสหรัฐฯและจีนมีความคืบหน้าอย่างมากและบรรลุความเห็นพ้องต้องกันที่สำคัญในการเจรจาทางการค้า เขาให้คำจำกัดความการพูดคุยว่า "ตรงไปตรงมา เจาะลึกและสร้างสรรค์" และบอกว่าทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจัดตั้ง "กลไกปรึกษาหารือทางการค้า" และจะทำการพูดคุยหารือกันเพิ่มเติม
"จีนและสหรัฐฯจะหาข้อสรุปรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะเผยแพร่ถ้อยแถลงร่วมของการเจรจาในวันที่ 12 พฤษภาคม" ผู้แทนเจรจาของฝ่ายจีนระบุ
การเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการมุ่งหน้าสู่ความสัมพันธ์ทางการค้าอันอบอุ่นระหว่างสหรัฐฯและจีน
ข้อมูลจาก ไรอัน ปีเตอร์สัน ซีอีโอบริษัทเฟล็กซ์พอร์ท ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ด้านโลจิสติก ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดการการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า พบว่าอัตราการรีดภาษี 145% ในปัจจุบัน ทำให้การส่งสินค้าจากจีนไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง 60%
แม้ว่าหากมีการลดอัตรารีดภาษีลงครึ่งหนึ่ง มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงระดับการค้าระหว่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยพวกนักเศรษฐศาสตร์มองว่าอัตราภาษี 50% คือเพดานสูงสุด ที่พอจะนำพาธุรกิจระหว่าง 2 ชาติกลับสู่ภาวะปกติได้บ้าง
ด้วยต้นทุนนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ได้เริ่มผลักให้ราคาสินค้าต่างๆพุ่งสูงขึ้นแล้วสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกา ในขณะที่พวกนักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ ระบุในวันพฤหัสบดี(8พ.ค.) ว่าตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐฯอาจเพิ่มเป็นเท่าตัวในช่วงสิ้นปี สืบเนื่องจากสงครามการค้าของทรัมป์
ทั้งนี้ด้วยเรือทั้งหลายที่ขนส่งสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการรีดภาษี 145% กำลังมุ่งหน้าเข้าเทียบท่าตามท่าเรือต่างๆ ดังนั้นข้อตกลงการค้าล่าสุด คงไม่อาจช่วยปรับลดราคาสินค้าลงในทันที
สงครามการค้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทซ(จีดีพี) เผยให้เห็นว่าเศรษฐกิจอเมริการายไตรมาส หดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 เนื่องจากพวกผู้นำเข้าเร่งนำเข้าสินค้า ก่อนมาตรการรีดภาษีมีผลบังคับใช้
มาตรการรีดภาษีสูงลิ่วก็ส่งผลกระทบในจีนไม่ต่างกัน โดยตัวเลขส่งออกไปยังสหรัฐฯลดลงอย่างมากในเดือนเมษายน โดยการขนส่งขาออกจากจีนไปยังอเมริกา อยู่ที่ 33,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว ลดลงถึง 21% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 41,800 ล้านดอลลาร์ ในเดือนเมษายน 2024
ความเคลื่อนไหวรีดภาษีสูงลิ่้วของสหรัฐฯ ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการผลิตของจีนเช่นกัน โดยกิจกรรมการผลิตของจีนหดตัวในอัตราที่มากที่สุดในรอบ 16 เดือนในเดือนเมษายน กระตุ้นให้ปักกิ่งต้องเร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)