xs
xsm
sm
md
lg

หวั่น“นักท่องเที่ยวจีน”เมิน“เที่ยวไทย”ยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



นักท่องเที่ยวจีนหายเป็นเรื่องใหญ่ ทุกฝ่ายเพิ่งเต้นหาทางออกทั้ง ๆ ที่ปัญหาเกิดมาเป็นปี คนในวงการท่องเที่ยวแนะแก้ปัญหาแบบถาวรสร้างความเชื่อมั่น “เที่ยวไทยปลอดภัย”ให้ได้ แนะทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ชี้ ททท.ไม่มีอำนาจสั่งใครชี้รอบนี้รัฐบาลต้องลงมาเป็นเจ้าภาพ เคลียร์ทุกจุดที่เป็นปัญหาฟรีวีซ่าเปิดจีนเทาสวมรอย

เรื่องราวของนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจากเมืองไทยเป็นจำนวนมาก จนหลายฝ่ายเกรงกันว่าจะกระทบต่อเป้าหมายในการสร้าง
รายได้ทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย และเริ่มที่จะมีมาตรการออกมาเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง

สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้าประเทศไทยล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-20 เมษายน 2568 จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 11,272,379 คน เพิ่มขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.จีน 1,524,697 คน 2.มาเลเซีย 1,401,169 คน 3.รัสเซีย 835,385 คน 4.อินเดีย 677,793 คน และ 5.เกาหลีใต้ 549,982 คน

อีกสถิติน่าสนใจ คือ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย จำนวน 5,833 คนต่อวัน ถือเป็นสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่มาตรการเปิดฟรีวีซ่าไทย-จีน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 โดยค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทยจะอยู่ที่ราว 15,000-20,000 คนต่อวัน

ลดเป้า-ดึงอินฟลูฯจีน

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผย ททท. ปรับเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปี 2568 ลงมาอยู่ที่ 35.5 ล้านคน เท่าเดิมกับปี 2567

ททท.คาดรายได้จากตลาดต่างประเทศเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือราว 1.83 ล้านล้านบาท ส่วนตลาดในประเทศยังตั้งเป้า 205 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.17 ล้านล้านบาท รวมรายได้รวมทั้งระบบ 3 ล้านล้านบาทเท่ากับปี 2562

นอกจากนี้เตรียมเสนอของบประมาณ 3,500 ล้านบาทจากรัฐบาล สำหรับโครงการสำคัญ 3 โครงการ ได้แก่

1. โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ที่อาจลดจำนวนสิทธิเหลือไม่ถึง 1 ล้านสิทธิ

2. โครงการส่งเสริมตลาดร่วมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวเดินทางเอง (FIT)

3. โครงการส่งเสริมตลาดร่วมกับสายการบิน เน้นเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนที่ต้องการันตีผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 85% เพื่อพยุงตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ได้รับผลกระทบหนัก

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวไทย ช่วง 1 มกราคม – 28 เมษายน 2568 ไทยมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว 9.52 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.73% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยมีการขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล เข้ามาทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัวและหายไป

และในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เชิญอินฟลูเอนเซอร์และผู้สื่อข่าวส่วนกลางของจีนเข้ามามากกว่า 300 คน เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพการท่องเที่ยวไทยจริง ๆ ออกไป

มีสัญญาณเตือนมานาน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขาดหายไปของนักท่องเที่ยวขาวจีนมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นอย่างมาก จีนเป็นเบอร์ 1 ด้านจำนวนนักท่องเที่ยว มีอำนาจการจับจ่ายที่ค่อนข้างสูง ก่อนหน้านี้เราก็เคยเจอปัญหา Anti นักท่องเที่ยวจีนเรื่องพฤติกรรมบางประการจนเขาไม่มา สุดท้ายผู้ประกอบการก็โอดครวญ สุดท้ายจีนก็กลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง

ปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวจีนลดลงนั้น เป็นเรื่องที่หลายคนคาดการณ์ไว้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานใดให้ความสำคัญ เมื่อหลาย ๆ ปัจจัยมารวมกันมันจึงเกิดสภาพเช่นนี้ วันนี้นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนเป้าหมายจากไทยไปเที่ยวที่อื่น ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาที่ค้างคามาไม่น้อยกว่า 2-3 ปีมาแล้ว ซึ่งภาครัฐไทยไม่ลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง


สาเหตุไม่มาไทย

นักท่องเที่ยวจีนเขาเปลี่ยนเป้าหมายจากไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น เวียดนามและสิงคโปร์ เพจเขียนไว้ให้เธอ นำเสนอข้อเขียน “ไปส่องโซเชียลจีนว่าทำไมถึงไม่มาไทย” เมื่อ 30 เมษายน 2568 ไว้อย่างน่าสนใจว่า

ผมมีร้านชาบูที่หุ้นกับน้อง ๆ อยู่แถวราชประสงค์ ตั้งแต่วาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2568 มา นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นเกือบครึ่งของลูกค้าร้านโดยปกตินั้น หายไปอย่างน่าใจหาย สวนทางกับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ไปญี่ปุ่นมากขึ้นมาก เหมือนกับว่าเขาเลิกเห่อไทยไปแล้ว สงกรานต์ก็ยังไม่กลับมา แน่นอนว่าหลายคนก็บอกว่าเราไม่ง้อก็ได้ ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา แต่ร้านผมเดือดร้อนก็เลยสงสัยว่าทำไมเขาไม่มาไทย

นักท่องเที่ยวจีนกลัวอะไร

ประเด็นแรก ที่เขาไม่อยากมาคือความไม่ปลอดภัย มีข่าวลือเรื่องการถูกลักพาตัว ขโมยอวัยวะ และมีข่าวฆาตกรรม มีคนจีนที่ไม่ดี (สีเทา) อยู่จีนไม่ได้ เลยเลือกมาตั้งรกรากที่ไทยจำนวนมาก มีปัญหาอะไรขึ้นมา ตำรวจไทยแทบจะช่วยอะไรไม่ได้ ระบบ city security ล้าหลัง กล้อง CCTV น้อยมาก ซึ่งทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย (เมืองจีน cctv เต็มเมือง เขาชินกับความอุ่นใจแบบนั้น)

ประการที่สอง เมืองไทยมีภาพว่าถ้ามาอยู่ยาวๆ มาอาศัยเลยนั้น “ถูก” แต่ถ้ามาเที่ยวคือ “แพง” บ้านถูกที่ไทย แต่โรงแรมแพง อาหารในห้างไทยเทียบกับอาหารในห้างญี่ปุ่นราคาเท่ากัน ญี่ปุ่นเลยน่าไปกว่า

ประการที่สาม ไทยไม่ได้มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรพัฒนามา 10 ปีแล้ว 10 ปีก่อนเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบเดิม ที่เที่ยวเดิมๆ ไม่ดึงดูด การเดินทางถ้าอยู่นอกเส้นรถไฟฟ้าไปมาลำบากมาก

ประการที่สี่ คือตัวอย่างข่าวร้าย ๆ ที่ไทย ไม่มีข่าวดีเลย ทำให้มีภาพว่าระบบจัดการไทยไม่ดี ไม่ปลอดภัย ผมยกข่าวที่เขาไปเจอมาดื้อๆเลยละกัน

1.รถบรรทุกชนรถที่จอดอยู่ในเลนส์ฉุกเฉินบนทางด่วน

2. ถนนในประเทศไทยเกิดหลุมยุบลึก 3 เมตรกะทันหัน คู่รักที่กำลังเดินเล่นพลัดตกลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งถนนเส้นนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อเดือนก่อนเท่านั้น

3. นักท่องเที่ยวจีนถูกต้นไม้ทับขณะกำลังจะเดินไปเล่นเครื่องเล่น

4. นักท่องเที่ยวจีนก่อเหตุ kill สาวประเภทสองในประเทศไทย

5. โรงงานสารเคมีระเบิดใกล้กับอาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิ

6. เด็กอายุ 14 ยิงกราดที่พารากอน หนึ่งในผู้เสียชีวิตมีคนจีน 1 คน

7. คนชาวจีนถูกตำรวจไทยและอดีตตำรวจ ร่วมกันก่อเหตุลักพาตัวและเรียกค่าไถ่

8. นั่งท่องเที่ยวชาวจีนพลัดตกจากชั้น 4 ของโรงแรมดังที่พัทยา

9.ตึกถล่มที่ประเทศไทยหลังจากเกิดแผ่นดินไหว เหตุเกิดจากโครงสร้างบางส่วนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

10. หญิงชาวจีนถูกลักพาตัวในประเทศไทย

ประการที่ห้า ที่ช่วงสงกรานต์คนจีนน้อยลงก็เพราะมณฑลทางตอนใต้ของจีน จัดเทศกาลสาดน้ำกันเอง เป็นเทศกาลประจำปี ปลอดภัยกว่าและไม่ต้องบินออกนอกประเทศด้วย แต่มีกลุ่มหนึ่งที่อยากมาเมืองไทยเพิ่มขึ้นก็คือ LGBTQ (ซึ่งน่าจะต้องชม S2O ของวู้ดดี้ีที่เป็น destination ใหม่ของไทยในปีที่ผ่านมา)

ยุครุ่งเรืองและตกต่ำ

ประเทศแต่ละประเทศก็มียุครุ่งเรือง มียุคตกต่ำ เหมือนห้างสรรพสินค้า สวนสนุก หรือแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เหมือนแต่ก่อน CBD ไทยก็คือวังบูรพา แล้วค่อย ๆ ย้ายมาเป็นปทุมวัน ในแต่ละปีก็จะมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ มีสถานที่ที่ดึงดูดใจมากขึ้น ใครปรับปรุงให้ทันยุคทันสมัยก็จะพออยู่รอดได้ แต่ถ้าปรับไม่ทันก็จะเจอสภาพเหมือนไทยเจออยู่ตอนนี้

และในความย้อนแย้งก็คือ เมืองจีนตอนนี้น่าเที่ยวมาก ราคาถูก โรงแรมดี สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ทันสมัย ไฮเทค เริ่มมี tax refund มีหลากหลายที่ให้สำรวจ ค้นหา วีซ่าก็ฟรี คนไทยก็ทะลักไปจีนกันอยู่ตอนนี้ น้องที่ทำทัวร์เพิ่งเล่าให้ฟัง

ความเห็นต่าง ๆ พวกนี้ไปค้นไม่ยากเลยด้วยโซเชียล แต่ค้นมาแล้ว เข้าใจแล้วว่าเขาเข้าใจผิดอะไร หรือเราต้องปรับปรุงอะไร เราจะทำอะไรต่อดีนั้นน่าตั้งคำถามมากกว่า หรือช่างจีนเขา เราไปหาคนรวยประเทศอื่นก็ได้ ถึงกระนั้นก็ต้องมีกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรมแบบเดิมอยู่ดี เพราะคู่แข่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเยอะมาก

ญี่ปุ่นทั้งสวยและถูกเพราะค่าเงิน จีนก็พัฒนาไปไกล ไปง่ายสวยถูก ใกล้ ๆ เวียดนาม กัมพูชาก็ปรับตัวมาเยอะ สิงคโปร์ก็ทำ man made destination จนติดตลาด เมืองไทยจะสร้างอะไรใหม่ จะมีอะไรต่อ ก็ต้องไปลุ้นกัน

ส่วนผมตัวเล็ก ๆ ที่เป็นเจ้าของร้านชาบูที่พึ่งนักท่องเที่ยวจีนเกือบ 50% ก็ต้องคิดใหม่ทำใหม่ เหมือนแม่น้ำที่เปลี่ยนทิศไปแล้ว ไม่ใช่แม่น้ำที่เคยขึ้นและลง พอลงอดทนซักพักเดี๋ยวก็ขึ้น แต่พอเปลี่ยนทิศไป ถ้ายืนอยู่กับที่ก็คงไม่มีปลาเหมือนเดิม ถ้าไม่ย้ายตามแม่น้ำใหม่ ก็คงต้องเปลี่ยนวิธีทำมาหากินกันต่อไปนั่นเอง

ปลอดภัยมาอันดับหนึ่ง

แหล่งข่าวด้านการท่องเที่ยวกล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด คนจีนซึมซับเรื่องความกังวลว่าเดินทางมาไทยแล้วไม่ปลอดภัยมาระยะหนึ่งแล้ว ภาพยนตร์ในจีนที่นำเสนอเรื่องเดินทางมาเที่ยวแล้วอาจถูกจับเรียกค่าไถ่ หรือถูกจับนำไปขายอวัยวะ กลายเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมากในแวดวงคนจีน

แถมมาเจอข่าวนักแสดงจีนถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์อีก ยิ่งตอกย้ำว่าถ้ามาเที่ยวไทยมีโอกาสเจอแบบนี้ หรือถ้าตามข่าวเรื่องเรือนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุจะพบว่าเกิดขึ้นบ่อยมาก บางกรณีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต เรื่องนี้เกิดขึ้นจนชินตา ไม่มีการเอาจริงเอาจังในด้านความปลอดภัย

อีกประการหนึ่งเราปล่อยเรื่องฟรีวีซ่ามากเกินไป ทุนจีนสีเทาเข้ามาทำมาหากินทั้งในไทยและแถบประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานรัฐไม่จัดการขั้นเด็ดขาด ททท.ไม่มีอำนาจเข้าไปจี้หรือกระตุ้นในเรื่องเหล่านี้ ที่จริงถ้ารัฐบาลเอาจริงให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้ เรามักแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ นักท่องเที่ยวจีนหดก็ดึงเอาอินฟลูฯ จีนเข้ามาเขียนกระตุ้น แต่ถ้าภาพรวมเรายังไม่แก้มันก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน หรือดึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นมาแทน

ประการต่อมา เราพึ่งแต่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ควรเพิ่มรายได้จากส่วนอื่นเข้ามาชดเชยบ้าง แถมสถานที่ท่องเที่ยวของไทยส่วนใหญ่เป็นแนวธรรมชาติ ส่วนใหญ่เก่าหลายคนมาเที่ยวแล้ว แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาน้อย


เบนเข็มญี่ปุ่น-เวียดนาม

ลองมาดูญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งที่คนไปเที่ยวเยอะเป็นผลจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวมาก ประเทศเขาปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติยังคงสวยงาม มีการเปิดจุดท่องเที่ยวใหม่ ๆ เสมอ ทำให้หลายคนตัดสินใจเที่ยวญี่ปุ่นแทน

ส่วนเวียดนาม ขึ้นชื่อเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกอยู่แล้ว เวียดนามมีทั้งแนวธรรมชาติและ Man Made มีเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เรื่อยมา เช่น ญาจาง ฟูก๊วก

นอกจากนี้ต้องดูนโยบายของแต่ละประเทศด้วยว่า เขาสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศมากน้อยแค่ไหน “จีนเที่ยวจีน” ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ดึงให้คนจีนออกมาเที่ยวต่างประเทศน้อยลง เราก็เคยทำ “ไทยเที่ยวไทย” มันอยู่ที่แรงจูงใจที่เสนอให้กับคนในประเทศ

จีนมีแหล่งท่องเที่ยวมากนี่เป็นจุดแข็งของจีน คนไทยจะรู้ดีว่าควรหลีกเลี่ยงไปเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดยาว ไม่เช่นนั้นจะพบกับคนจำนวนมหาศาลตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ

ตอนนี้กลับกันจีนเป็นปลายทางเบอร์ต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวไทยไปแล้ว ฟรีวีซ่า ที่ผ่านมาเส้นทาง เฉิงตู ฉงชิ่ง จางเจียเจี้ย ล้วนเต็มไปด้วยคนไทย ที่จริงแล้วมันก็หลักการเดียวกันคือเที่ยวแล้วต้องปลอดภัย อีกทั้งจีนมีวิวทางธรรมชาติที่ไม่ต่างกับเส้นทางยุโรป บินไม่นานแถมค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่แพง

เรื่องการท่องเที่ยวมันเกี่ยวข้องกับหลายองค์ประกอบ ความปลอดภัยของแหล่งท่องเที่ยว อุทยาน ตำรวจ การคมนาคม ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ เราให้ความสำคัญกับตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ผู้นำรัฐบาลไม่ลงมาบัญชาการ การทำตลาดยังเป็นแบบเดิม ๆ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ไม่มี Man Made มีน้อยมาก แค่การขายแหล่งท่องเที่ยวกลางวันกับกลางคืนก็ทำน้อยมาก
อีกทั้งการแข่งขันกันดึงดูดนักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศ น่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นการที่นักท่องเที่ยวจีนจะวนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง อาจต้องใช้เวลาที่นานกว่าเดิม

“ไทยเที่ยวไทย”ที่เคยได้รับความนิยม ทั้งส่วนลดค่าตั๋วโดยสาร โรงแรมที่พัก ค่าอาหาร มีการนำมาปรับใช้เป็น “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ถือเป็นเรื่องดีที่จะช่วยแก้ปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติเบื่อเที่ยวประเทศไทย

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j
กำลังโหลดความคิดเห็น