ครม.ขึ้นภาษีน้ำมัน ไม่กระทบประชาชน ดึงเงินกองทุนช่วยพยุง
ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกที่เป็นช่วงขาลงอย่างหนัก เนื่องจากมีความกังวลต่อสงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ แต่หลายฝ่ายก็สงสัยว่าเหตุใดราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศไทยไม่ได้ปรับลดลงตามราคาโลก จนกระทั่งมาได้คำตอบว่าเป็นเพราะคณะรัฐมนตรีมีมีมติเห็นชอบเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร ตามที่กรมสรรพสามิตได้เสนอ ภายหลังการจัดเก็บภาษีรถยนต์ตามมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ทำให้รายได้ยังต่ำกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก โดยการปรับขึ้นภาษีน้ำมันสูงสุดลิตรละ 1 บาท จะช่วยให้กรมจัดเก็บรายได้เพิ่มเดือนละ 2,900 ล้านบาท
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร โดยในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการพิจารณาปรับลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการปรับความสมดุลระหว่างการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐและเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและเบนซินในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดภาระค่าครองชีพของประชาชนแต่อย่างใด
ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า การปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งนี้ไม่กระทบต่อราคาน้ำมันใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงกลไกภายในของรัฐบาลในการปรับสมดุลรายรับเท่านั้น เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน การปรับภาษีสรรพสามิตครั้งนี้จะถูกชดเชยโดยการลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราที่เท่ากัน เพราะฉะนั้น ผลต่อราคาน้ำมันจึงเป็นศูนย์ น้ำมันราคาเท่าเดิม