ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกบฏฮูตีในเยเมนกับสหรัฐฯ ไม่นับรวมอิสราเอล จากคำยืนยันของนักรบกลุ่มนี้ในวันพุธ(7พ.ค.) บ่งชี้ว่าปฏิบัติการโจมตีของพวกเขาที่เล็งเป้าเล่นงานการขนส่งทางเรือ ที่ก่อความปั่นป่วนแก่การค้าและท้าทายบรรดาชาติมหาอำนาจ จะไม่ยุติลงโดยสิ้นเชิง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯแถลงในวันอังคาร(6พ.ค.) ว่าอเมริกาจะหยุดทิ้งบอมบ์ถล่มฮูตี พันธมิตรของอิหร่านในเยเมน โดยอ้างว่าทางกลุ่มตกลงที่จะหยุดโจมตีเรือต่างๆของสหรัฐฯ หลังจากคำแถลงของทรัมป์ ทาง โอมาน ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาเป็นคนกลางในข้อกลงหยุดยิงดังกล่าว ซึ่งเป็นการระงับการโจมตีเรือต่างๆของอเมริกา
ข้อตกลงนี้มีขึ้นแม้ว่าไม่มีรายงานเกี่ยวกับเหตุโจมตีเรือในทะเลแดง โดยฝีมือพวกกบฏฮูตี มาตั้งแต่เดือนมกราคม "ข้อตกลงนี้ไม่รวมถึงอิสราเอล ไม่ว่าทางใดหรือรูปแบบใดก็ตาม" โมฮัมหมัด อับดุลซาลาม หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของฮูตีบอกกับรอยเตอร์ "ตราบใดที่พวกเขาประกาศหยุด(การโจมตีของสหรัฐฯ) และพวกเขาทำตามคำสัญญานั้นจริงๆ จุดยืนของเราคือการป้องกันตนเอง ดังนั้นเราก็จะหยุดการโจมตี"
โฆษกของฮูตีเปิดเผยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐในเวลาต่อมาในวันพุธ(7พ.ค.) ว่าพวกเขาเล็งเป้าเล่นงานอิสราเอลด้วยโดรนอีกระลอก พร้อมเน้นย้ำว่าจะคืนสู่ปฏิบัติการโจมตีเล่นงานอเมริกาอีกครั้ง หากวอชิงตันหวนกลับมาโจมตีใส่เยเมน
กองทัพอิสราเอลระบุเช่นกันว่าพวกเขาสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่ปล่อยออกมาจากทางทิศตตะวันตก แต่ไม่ได้ระบุตำแหน่งที่ตั้งที่แน่ชัด อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนอิสราเอลรายงานว่ามีขีปนาวุธลูกหนึ่งถูกยิงออกมาจากเยเมน พุ่งเข้าหาอิสราเอล ก่อนตกลงพื้นบริเวณนอกเขตชายแดนของประเทศ
แม้ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและฮูตี กองกำลังฝายต่อต้านที่ยืนหยัดรับมือกับการโจมตีของพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียในสงครามกลางเมืองของเยเมน มานานหลายปี ดูจะคลี่คลายลงไป แต่ข้อตกลงดังกล่าวไม่ตัดความเป็นไปได้ของการโจมตีใส่เรือหรือเป้าหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล
อิหร่าน แสดงความยินดีที่ "สหรัฐฯหยุดการรุกรานเยเมน" จากคำกล่าวของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศในวันพุธ(7พ.ค.) พร้อมขอบคุณโอกาสสำหรับความพยายามเป็นคนกลางในเรื่องดังกล่าว
สหรัฐฯยกระดับโจมตีใส่พวกฮูตีหนักหน่วงขึ้นในปีนี้ เพื่อหยุดกบฏกลุ่มนี้จากการโจมตีการขนส่งสินค้าในทะเลแดง อย่างไรก็ตามพวกนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนทั้งหลายแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการที่มีพลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
พวกฮูตียิงเข้าใส่อิสราเอลและโจมตีการขนส่งสินค้าในทะเลแดงมาตั้งแต่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการทางทหารรุกรานกาซา เพื่อเล่นงานพวกนักรบฮามาส พันธมิตรของพวกเขา หลังจากพวกนักรบปาเลสไตน์กลุ่มนี้ ลงมือโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 สังหารผู้คนไปกว่าพันคนและจับตัวประกันไปราวๆ 250 ราย
กองทัพสหรัฐฯเปิดเผยว่าได้ทำการโจมตีเป้าหมายต่างๆมากกว่า 1,000 เป้าหมาย นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการในปัจจุบันในเยเมน ที่เรียกว่า "Operation Rough Rider" ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พร้อมอ้างว่าสามารถปลิดชีพนักรบฮูตีได้หลายร้อยคนและแกนนำของทางกลุ่มได้หลายราย
ตวามตึงเครียดระหว่าง 2 ฝ่ายพุ่งสูงอยู่ก่อนแล้วนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น แต่มันทวีความร้อนแรงขึ้นไปอีก หลังจากพวกฮูตียิงขีปนาวุธตกใกล้สนามบินเบนกูเรียนของอิสราเอล เมื่อวันอาทิตย์(4พ.ค.) กระตุ้นให้อิสราเอลโจมตีทางอากาศถล่มท่าเรือโฮเดดาห์ของเยเมน เป็นการแก้แค้น ในวันจันทร์(5พ.ค.)
ต่อมากองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศถล่มท่าอากาศยานหลักของเยเมนในกรุงซานาในวันอังคาร(6พ.ค.) ถือเป็นการโจมตีเล่นงานกบฏฮูตีเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน หลังจากความตึงเครียดระหว่าง 2 ฝ่าย โหมกระพือความเดือดดาลขึ้น
ภายใต้การนำของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทางสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรโจมตีทางอากาศซ้ำๆเล่นงานเป้าหมายต่างๆของพวกฮูตี ในความพยายามรักษาไว้ซึ่งเส้นทางด้านการค้าอันสำคัญในทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 15% ของการลำเลียงสินค้าทั้งหมดทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้บอกว่าสหราชอาณาจักรเห็นพ้องกับข้อตกลงหยุดยิงด้วยหรือไม่
หลัง ทรัมป์ ก้าวมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนมกราคม เขาตัดสินใจยกระดับโจมตีทางอากาศเล่นงานพวกฮูตี ยุทธการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากพวกฮูตีบอกว่าพวกเขาจะกลับมาโจมตีเรือของอิสราเอลที่แล่นผ่านทะเลแดง ทะเลอาหรับ ช่องแคบบับ อัล-อันดับ และอ่าวเอเดน
ในวันที่ 28 เมษายน ปฏิบัติการหนึ่งซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของสหรัฐฯ ถล่มศูนย์ผู้อพยพแห่งหนึ่งในเยเมน คร่าชีวิตผู้คน 68 ราย ถือเป็นหนึ่้งในโจมตีนองเลือดที่สุด นับตั้งแต่สหรัฐฯยกระดับความเข้มข้นของปฏิบัติการเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน
(ที่มา:รอยเตอร์)