ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ(7พ.ค.) เรียกร้องให้อินเดียและปากีสถานหยุดสู้รบในทันที และเสนอตัวช่วยยุติสถานการณ์ความรุนแรงครั้งเลวร้ายในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์
"มันเลวร้ายมาก" ทรัมป์กล่าว ณ ทำเนียบขาว "ผมยืนหยัดอยู่เคียงข้างทั้งคู่ ผมรู้จักทั้ง 2 ชาติเป็นอย่างดี และผมต้องการเห็นพวกเขาหาทางออก และผมอยากเห็นพวกเขาหยุด พวกเขาตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ดังนั้นจึงหวังเป็นอย่างยิ่งกว่าพวกเขาจะหยุดได้แล้วในตอนนี้"
ความเห็นของทรัมป์มีขึ้นหลังจากอินเดียและปากีสถานยิงปืนใหญ่ตอบโต้กันไปมาอย่างหนักหน่วงตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง 2 ฝ่าย หลังจากนิวเดลีเปิดฉากโจมตีนองเลือดรัวยิงขีปนาวุธเข้าใส่คู่อริอย่างอิสลามาบัด
รายงานข่าวระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 รายในการสู้รบ ซึ่งมีขึ้นราว 2 สัปดาห์หลังจากนิวเดลีกล่าวหาอิสลามาบัดให้การหนุนหลังเหตุโจมตีหนึ่งๆในดินแดนแคชเมียร์ ในส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอินเดีย คำกล่าวหาที่ทางปากีสถานปฏิเสธ
ปากีสถาน เป็นพันธมิตรหลักด้านการทหารของสหรัฐฯมาช้านาน แต่ ทรัมป์ มุ่งมั่นเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ที่เพิ่งเดินทางเยือนทำเนียบขาวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
"เราเข้ากับทั้ง 2 ประเทศได้อย่างดีมากๆ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้ง 2 ชาติ และผมอยากเห็นมันหยุดลง" ทรัมป์บอกในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว "และถ้าผมสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเหลือ ผมจะอยู่ตรงนั้น"
เบื้องต้น ทรัมป์ พยายามกลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความตึงเครียดเก่าแก่แต่โบราณมาระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ถึงขั้นบอกว่าพวกเขาขัดแย้งมานานกว่า 1,500 ปี แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้ง 2 ประเทศ เพิ่งสถาปนาขึ้นตามหลังได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 1947
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ารัฐบาลของเขาจะรีบดำเนินการอย่างรวดเร็วในความพยายามคลี่คลายวิกฤต ในช่วง 24 หลังสุดนับตั้งแต่อินเดียลงมือโจมตี
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศจากอินเดียและปากีสถานในวันศุกร์(9พ.ค.) กระตุ้นส่งเสริมให้พวกเขากลับมาเปิดเจรจากันเพื่อปลดชนวนความตึงเครียด จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว
(ที่มา:เอเอฟพี)