สั่ง 'พิชัย' ปั๊มเศรษฐกิจ มองโลกสวยงาม ในวิกฤตมีโอกาส
สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในเวลานี้เรียกได้ว่าตามหลังเพื่อนบ้านพอสมควร ส่งผลให้ประเทศไทยถูกลดระดับความน่าเชื่อถือลงจากหลายสถาบันพอสมควร อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก (World Bank) ยังปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือเพียงประมาณ 2% เท่านั้น ทำให้คณะรัฐมนตรีไม่อาจอยู่เฉยได้อีกแล้ว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการว่า เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน จึงได้มอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับเรื่องนี้ไปหารือในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจและนำมาเสนอต่อ ครม. โดยเร็ว และขอเน้นย้ำกับคณะรัฐมนตรีทุกท่านว่า ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส และขอให้พี่น้องประชาชนและพวกเราทุกคนมีกำลังใจที่จะร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน
ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า รัฐบาลจะมีการหารือกันในการบริหารจัดการงบประมาณทั้งหมด และงบประมาณรายจ่ายปี 2569 เพื่อรับมือกับปัจจัยภายนอกที่กดดันเศรษฐกิจไทยที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น อย่างไรก็ดี สถานการณ์ปัจจุบันเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย อีกทั้งผลลัพธ์ของนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐในปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งยังมีการประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายอยู่ตลอด จึงทำให้การจะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฝุ่นตลบ และยากที่จะประเมินความเสียหายและขนาดเม็ดเงินที่เหมาะสมที่จะเข้าไปอุดช่องโหว่
"รัฐบาลไทยมีการปรับทิศทางการดำเนินงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐให้ได้มากที่สุด ตามข้อมูลและช่วงเวลาที่เหมาะสม การรีบตัดสินใจพูดวันนี้อาจถูก แต่พรุ่งนี้อาจผิด จึงยังรอให้สถานการณ์ต่างๆ มีความชัดเจนขึ้น เพื่อกำหนดขนาดของมาตรการที่จะใช้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด" รมช.คลัง กล่าว