ปากีสถานทำการทดสอบขีปนาวุธเป็นครั้งที่ 2 และอินเดียสั่งฝึกซ้อมปกป้องพลเรือน ท่ามกลางเหตุเผชิญหน้าที่ลุกลามบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆระหว่าง 2 ชาติ เกี่ยวกับพื้นที่พิพาทแคชเมียร์ ที่ทางสหประชาชาติเตือนในวันจันทร์(5พ.ค.) ว่ากำลังลากทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ขอบเหวแห่งสงคราม
นิวเดลีกล่าวโทษอิสลามาบัด ว่าสนับสนุนพวกกลุ่มติดอาวุธโจมตีนักท่องเที่ยวเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นเหตุเล่นงานพลเรือนครั้งนองเลือดที่สุดในดินแดนแคชเมียร์ ในด้านที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย ในรอบหลายปี โหมกระพือคำขู่เผ็ดร้อนและใช้มาตการทางการทูตตอบโต้กันไปมา
ปากีสถานปฏิเสธคำกล่าวหา และทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากดวลปืนกันยามค่ำคืนมาตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน ตามแนวเขตแดนโดยพฤตินัยในแคชเมียร์ หรือที่เรียกว่าแนวพรมแดนแบ่งเขตควบคุม (Line of Control) อ้างอิงข้อมูลจากกองทัพอินเดีย
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในวันจันทร์(5พ.ค.) บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานและอินเดียมาถึง "จุดเดือด" พร้อมเตือนว่า "ตอนนี้คือช่วงเวลาแห่งการอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุดและถอยห่างจากขอบเหวของสงคราม"
อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ ทางกองทัพปากีสถานเผยว่าได้ทำการทดสอบขีปนาวุธยิงจากพื้นผิวสู่พื้นผิว ที่มีพิสัยทำการ 120 กิโลเมตร การยิงที่มีเป้าหมาย "รับประกันความพร้อมด้านปฏิบัติการของกำลังพล"
การทดสอบครั้งนี้มีขึ้นในระหว่างที่ อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อยู่ในอิสลามาบัด เพื่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ในวันจันทร์(5พ.ค.) ก่อนที่จะมีกำหนดเดินทางต่อไปยังอินเดียในวันพฤหัสบดี(8พ.ค.)
เตหะรานเสนอตัวเป็นคนกลางระหว่าง 2 ชาติเพื่อนบ้านติดอาวุธนิวเคลียร์ และ อารากชี ถือเป็นผู้แทนทูตระดับสูงจากต่างประเทศรายแรกที่เดินทางเยือนทั้ง 2 ประเทศ นับตั้งแต่เหตุโจมตีนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ฉุดความสัมพันธ์ตึงเครียดอย่างหนัก
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์(3พ.ค.) ปากีสถาน แถลงว่าได้ทำการทดสอบขีปนาวุธยิงจากพื้นผิวสู่พื้นผิว ด้วยพิสัยทำการ 450 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางพอๆกับชายแดนปากีสถานไปยังกรุงนิวเดลี อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการทดสอบทั้ง 2 ครั้งนั้น เกิดขึ้นที่ไหน
ชารีฟ ซึ่งยกเลิกการเดินทางเยือนมาเลเซีย ที่เดิมทีกำหนดไว้ในวันศุกร์(2พ.ค.) ประกาศกร้าวว่าการยิงทดสอบดังกล่าว "เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการป้องกันตนเองของปากีสถาน มีความเข้มแข็ง"
ในส่วนของอินเดีย ทางกระทรวงสารสนเทศระบุว่าจะมีการฝึกซ้อมจำลองการป้องกันพลเรือนหลายรอบในวันพุธ(7พ.ค.) เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ประชาชน "ในการป้องกันตนเองในกรณีที่ถูกโจมตีจากศัตรู"
แคชเมียร์ ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมและมีประชากรราวๆ 15 ล้านคน กั้นอยู่ตรงกลางระหว่างปากีสถานและอินเดีย แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวอ้าวว่าควบคุมดินแดนแห่งนี้โดยสมบูรณ์
พวกกบฏที่อยู่ภายในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอินเดีย ได้โหมกระพือความไม่สงบมาตั้งแต่ปี 1989 โดยมีเป้าหมายทั้งแสวงหาเอกราชหรือไม่ก็ผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของปากีสถาน ในขณะที่ อินเดีย กล่าวโทษเพื่อนบ้านแห่งนี้ป็นประจำ ว่าให้การสนับสนุนพวกมือปืนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆนานา
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีเชื้อสายฮินดูของอินเดีย บอกว่าอินเดีย "จะไล่ล่าและลงโทษพวกก่อการร้ายทุกคน เช่นเดียวกับพวกผู้สนับสนุนพวกเขา" ซึ่งลงมือโจมตีในเมืองพาฮาลแกม แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของแคชเมียร์เมื่อเดือนที่แล้ว และจะไล่ล่าพวกเขาไปจนสุดขอบโลก
รัฐบาลปากีสถาน ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเหตุสังหารหมู่ดังกล่าว และประกาศว่า "ความเคลื่อนไหวรุกรานใดๆจะเจอกับการตอบโต้ที่เด็ดเดี่ยว"
ไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบสำหรับเหตุสังหารหมู่เมื่อวันที่ 22 เมษายน ซึ่งคร่าชีวิต 26 ราย ส่วนใหญ่เป็นชายชาวฮินดู ในเมืองพาฮาลแกม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แต่ตำรวจกำลังไล่ล่าพลเมืองปากีสถานอย่างน้อย 2 คน ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุ
นานาชาติถาโถมแรงกดดันเข้าใส่ทั้งนิวเดลีและอิสลามาบัด ที่เคยสู้รบกันมาในหลายสงคราม เกี่ยวกับแคว้นแคชเมียร์ อันเป็นข้อพิพาทแห่งนี้
เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้อง อินเดีย ให้ตอบสนองเหตุโจมตีในแนวทางหนึ่ง "ซึ่งไม่นำไปสู่การขยายวงความขัดแย้งไปทั่้วภูมิภาคในวงกว้าง" ขณะเดียวกันเขาได้เร่งเร้าปากีสถาน "สร้างความมั่นใจว่าจะไล่ล่าและจัดการกับพวกก่อการร้าย ที่บางครั้งปฏิบัติการอยู่ในดินแดนของพวกเขา"
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ระบุว่ามอสโก ติดตามความคืบหน้าในบรรยากาศตามแนวชายแดนระหว่างปากีสถานกับอินเดียด้วยความเป็นกังวลใหญ่หลวง และเรียกร้องทั้ง 2 ชาติ หาทางลดวคามตึงเครียด
ทางฝั่งปากีสถาน นอกเหนือจากทดสอบขีปนาวุธแล้ว ยงได้มีการซ้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินตามลานกลางแจ้งต่างๆ และพวกชาวบ้านได้รับคำแนะนำให้กักตันอาหารและยา ในขณะที่โรงเรียนสอนศาสนาถูกสั่งให้ปิดการเรียนการสอน
(ที่มา:เอเอฟพี)