เยือน “สุสานทหารจิ๋นซี” มหาสุสานอันใหญ่โตอลังการที่เตรียมไว้สำหรับการใช้ชีวิตหลังความตายในปรโลก มีชื่อเสียงโด่งดังถึงความยิ่งใหญ่ตระการตาของเหล่ากองทัพทหารดินเผาที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินพร้อมกับจักรพรรดิจิ๋นซี จนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกลำดับที่ 8 แห่งศตวรรษที่ 20
ชื่อของ “ซีอาน” เป็นเมืองที่น่าจะคุ้นหูของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่สนใจการท่องเที่ยวในประเทศจีน เนื่องด้วยเมืองซีอานนั้นเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวระดับท็อปของจีน ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและจากทั่วโลกอยากเดินทางมาชมสักครั้ง
ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังแห่งนั้นก็คือ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” (The Terracotta Warriors and Horses) ที่มีภาพจำคือกองทัพทหารดินเผาอันเกรียงไกร
สำหรับ “ซีอาน” นั้นมีความหมายว่า ความสงบสุขทางะวันตก หรือที่ในอดีตมีชื่อว่า “ฉางอาน” ที่หมายถึงความสงบสุขชั่วนิรันดร์
ปัจจุบันซีอานเป็นเมืองหลวงของมณฑลส่านซี เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของจีนเมือง เพราะในอดีตซีอานเคยเป็นเมืองหลวงของ 13 ราชวงศ์ หนึ่งในนั้นคือราชวงศ์ฉิน ที่จิ๋นซีฮ่องเต้ได้สถาปนาขึ้นมา
“จิ๋นซีฮ่องเต้” หรือ “ฉินสื่อหวงตี้” มีนามเดิมว่า “อิ๋งเจิ้ง” มีชาติกำเนิดความเป็นมาไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าท่านถือกำเนิดในราวปี พ.ศ. 283 ในปลายยุคจ้านกว๋อ หรือยุคสงคราม ที่ประเทศจีนยังไม่รวมเป็นหนึ่ง หากแต่แตกออกเป็น 7 รัฐใหญ่ ๆ ได้แก่ หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน ฉี และ “รัฐฉิน”
ยุคนั้นรัฐฉินยากจนทุรกันดารและล้าหลังที่สุด แต่เมื่ออิ๋งเจิ้งได้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าผู้ครองรัฐฉิน ตั้งแต่เยาว์วัย ท่านก็ได้พัฒนารัฐฉินให้เจริญรุ่งเรืองและเรืองอำนาจ พร้อม ๆ กับเดินหน้ารวบรวมรัฐต่าง ๆ จนสามารถผนวกทั้ง 7 รัฐ รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จ
นอกจากนี้อิ๋งเจิ้งได้สถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้น (พ.ศ. 323-พ.ศ. 338) รวมถึงเปลี่ยนพระนามของตนเป็น “ฉินสื่อหวงตี้” หรือที่คนไทยเรานิยมเรียกท่านว่า “จิ๋นซีฮ่องเต้” ซึ่งถือเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งแผ่นดินจีน และคำว่า “หวงตี้” (ฮ่องเต้) ก็ได้เป็นคำที่กษัตริย์จีนใช้เรียกตัวเองตลอดมา 2,000 กว่าปี
แม้จิ๋นซีฮ่องเต้จะปกครองแผ่นดินจีนเพียงช่วงระยะเวลาไม่นาน (15 ปี) ก่อนสิ้นพระชนม์และราชวงศ์ฉินล่มสลาย แต่ท่านก็ได้สร้างเรื่องราวให้เกิดขึ้นกับแผ่นดินจีนมากมายทั้งด้านบวกและด้านลบ จนได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิที่เป็นทั้ง มหาราช และ ทรราช อยู่ในพระองค์เดียวกัน
สำหรับหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เป็นมรดกตกทอดจากผลงานในยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ก็คือ “กำแพงเมืองจีน” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันลือลั่น ที่มีการก่อสร้างเชื่อมกำแพงเมืองตามแคว้นต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกรานของเผ่าซงหนู
นอกจากนี้ก็ยังมีการสร้างพระราชวังและ “สุสานจิ๋นซีฮ๋องเต้” เพื่อเตรียมไว้สำหรับการใช้ชีวิตหลังความตายในปรโลก เนื่องด้วยพระองค์เชื่อในเรื่องความเป็นอมตะและชีวิตหลังความตาย
ในช่วงที่จิ๋นซีฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ได้มีการเกณฑ์ไพร่พลกว่า 7 แสนคน ไปก่อสร้างพระราชวังและสุสาน โดยเฉพาะ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” นั้นว่ากันว่ามีพื้นที่ของสุสานมากกว่า 57 ตร.กม. (และอาจมีอาณาเขตมากกว่า 2 พัน ตร.กม.) ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 38 ปี
สุสานจิ๋นซีเป็นการจำลองพระราชวังแห่งปรโลก ที่มีการแบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก และชั้นใน ภายในสุสานนอกจากสถานที่ตั้งพระศพของจิ๋นซีแล้ว ยังเพียบพร้อมไปด้วย (หุ่นปั้น) ข้าราชบริพาร นางสนม นางกำนัล กองกำลังทหาร รถม้า ม้าศึก สรรพอาวุธ ตลอดจนทรัพย์สมบัติต่าง ๆ (ของจริง) เพื่อร่วมเดินทางหลังความตายไปรับใช้ชีวิตในปรโลกขององค์จิ๋นซีฮ่องเต้
อย่างไรก็ดีด้วยกาลเวลาที่ยาวนานกว่า 2,700 ปี สภาพธรรมชาติได้กลืนกินสุสานแห่งนี้ให้เลือนหายไปจากผืนแผ่นดินจีน
จนกระทั่งราวปลายเดือนมีนาคม พ.ศ.2517 บริเวณเชิงเขาหลีซาน ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองซีอานประมาณ 35 กิโลเมตร มีชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ได้บังเอิญขุดเจอซากดินเผาโบราณชิ้นหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ โดยซากดินเผาโบราณนี้เป็นซากหัวม้าดินเผา ที่ในภายหลังมีการศึกษาพบว่ามีอายุกว่า 2 พันปี
และนั่นคือต้นกำเนิดของการขุดสำรวจ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” และเป็นการขุดค้นทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของจีน และยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 20 ส่งผลให้สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้รับการยกย่องให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 ได้มีการขุดค้นสำรวจอย่างเป็นระบบเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และมีการเปิดให้เข้าชมเพียงบางส่วน นั่นคือส่วนของสุสานทหารจิ๋นซี หรือ สุสานทหารดินเผา นั่นเอง ส่วนที่เป็นที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ ยังคงเก็บรักษาสภาพเดิมไว้ มีลักษณะเป็นเนินดินขนาดใหญ่คล้ายพีระมิด
“สุสานทหารจิ๋นซี” หรือ “กองทัพทหารดินเผา” มีข้อมูลระบุว่ากองทัพทหารดินเผามีทั้งหมด 8 หลุมขุดค้นด้วยกัน แต่ปัจจุบันทางการจีนขุดเปิดสำรวจเพียง 3 หลุมเท่านั้น
หลุมที่ 1 เป็นเหล่าแนวหน้าหน่วยกล้าตาย มีหุ่นทหารทำท่าถืออาวุธ (แต่ปัจจุบันไม่มีอาวุธในมือหุ่นดินเผาแล้ว) จำพวกหอก ดาบ กว่า 6,000 นาย ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบในหลุมที่ขุดลึกลงไปในพื้นดินกว่า 5 เมตร
หลุมที่ 2 มีหุ่นพลรบประมาณ 1,000 นาย ที่เหลือเป็นขบวนหุ่นม้าศึกและรถม้า
หลุมที่ 3 มีซากกระดูกสัตว์อยู่ด้านหน้า ว่ากันว่าเป็นเครื่องบูชายัญในพิธีศพ ในหลุมนี้มีทหารที่ขุดแล้ว และรถม้า ม้าศึก รวมกันประมาณ 70 ตัว
ด้วยความเชื่อเรื่องชีวิตในโลกหน้าของจิ๋นซีฮ่องเต้ ดังนั้นจึงมีการจัดสร้างกองทัพทหารดินเผาที่จะตามไปรับใช้ในปรโลกให้เหมือนกับกองทัพจริงๆ มีแม่ทัพ ทหารนายกอง พลทหาร ไล่ตามยศ ม้าศึก รถม้า และการจัดกำลังพลเหมือนจริง
ที่สำคัญคือหุ่นทหารแต่ละตัวมีการสร้างขนาดเท่าคนจริง มีใบหน้าที่แตกต่างกันทุกตัว โดยเชื่อกันว่าหุ่นดินเผาแต่ละตัวนั้นแทนนายทหารแต่ละคนขององค์จักรพรรดิจิ๋นซี ซึ่งบางตัวหน้าหล่อ บ้างก็หน้าดุ บ้างมีหนวด บางตัวไว้เครา บ้างใบหน้าเกลี้ยงเกลา (แต่หลายตัวก็หัวหายไป) ถือเป็นหุ่นเดียว ตัวเดียวในโลก ที่เผยให้เห็นถึงหน้าตาของคนจีนในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี
ส่วนลักษณะท่าทาง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หมวก ทรงผม อาวุธ นั้นก็ทำออกมาแตกต่างกันออกไป ตามยศตำแหน่งของแต่ละคน ทหารพวกยศต่ำจะใส่เสื้อผ้าธรรมดา ส่วนพวกยศสูงขึ้นมาหน่อยจะใส่เสื้อเกราะ ส่วนแถวหลังจะมีรถศึก และม้าศึกตัวขนาดเท่าจริงอ้วนพีดูแข็งแรง รวมถึงทหารในชุดและท่าทางที่พร้อมรบเต็มที่
แต่เดิม เมื่อแรกสร้างหุ่นทหารดินเผาเหล่านี้ ถูกสร้างให้มีสีสันเสมือนจริง ผิวเป็นสีเนื้อ เสื้อผ้าหลากสีสันตามยุคสมัย แต่จากการขุดค้นที่ทำให้โดนอากาศและแสงเข้าไปทำปฏิกิริยา ทำให้สีของหุ่นสลายไปกลายเป็นสีดินเผาตามธรรมชาติแบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
ความยิ่งใหญ่อลังการของ “สุสานทหารจิ๋นซี” ด้วยฝีมือของช่างโบราณที่รังสรรค์กองทัพหุ่นทหารดินเผาออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ทำให้ได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลกทางวัฒนธรรม” ในปี พ.ศ. 2530
และปัจจุบันนี้ หากได้เข้าไปชมสุสานทหารจิ๋นซี ก็จะพบว่ายังมีการขุดค้นและบูรณะแต่ละหลุมอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มีจำกัด ต้องใช้ความละเอียดประณีตใจเย็นอย่างมาก เพราะหุ่นหลายตัวไม่ได้มีสภาพรูปร่างเป็นตัวสมบูรณ์ หากแต่บางตัวแตกหัก เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา จึงต้องค่อยๆ บรรจงขุดค้น แล้วนำส่วนต่างๆ มาประกอบกัน รวมถึงเทคโนโลยีในการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพคงเดิม จึงทำให้ในตอนนี้เราจึงสามารถชมหลุมขุดค้นได้เพียง 3 หลุมเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่อลังการของสุสานอันเกรียงไกรแห่งนี้
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline