เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวในไม่ช้าเตรียมใช้ไม้เด็ดเตรียมคว่ำบาตรรัสเซีย พร้อมข่มขู่จะใช้ยาแรงมาตรการภาษีลงโทษ 500% กับบรรดาประเทศต่างๆที่ซื้อขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรัสเซีย ถ้าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ล้มโต๊ะคุยแผนเจรจาสันติภาพยูเครน
เดลีเมลของอังกฤษรายงานวานนี้(1 พ.ค)ว่า ลินด์ซีย์ แกรม (Lindsey Graham) สว.แกนนำพรรครีพับลิกันคนดังพันธมิตรของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัดล์ ทรัมป์ ออกมาอ้างว่ามีเสียงในมือมากพอสำหรับกฎหมายของตัวเองที่มีเป้าหมายเพื่อบีบประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ต้องหันมาเจรจาสันติภาพกับเคียฟ
เป็นข้อเสนอที่ถูกประกาศในวันเดียวกันกับที่ยูเครนและสหรัฐฯได้ลงนามข้อจกลงแร่ธรรมชาติครั้งประวัติศาสตร์
ภายใต้ข้อเสนอของสว.แกรมนี้จะเห็นอัตราภาษีลงโทษสูง 500% บังคับใช้จากบรรดาประเทศทั้งหลายที่ซื้อเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรวมไปถึงยูเรเนียมจากรัสเซียแต่ส่งสินค้ามาขายที่สหรัฐฯหากว่าปูตินล้มเหลวหาทางมาที่โต๊ะเจรจาสันติภาไม่ได้
สว.ใกล้ชิดทรัมป์กล่าวว่า “เป้าหมายเพื่อช่วยประธานาธิบดีสหรัฐฯ” และเสริมต่อว่าเป็นมาตรการรุนแรงบดกระดูก
พร้อมกันนี้ในความคิดเห็นของ สว.แกรมชี้ว่า เขาคิดว่าทรัมป์เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในการทำให้เป้าหมายที่จะทำให้สงครามยูเครนสามารถยุติลงได้อย่างสง่างามและยุติธรรม แต่เขายังอ้างว่า การคว่ำบาตรเหล่านี้ได้สะท้อนมุมมองของสภาสูงสหรัฐฯที่ว่า "พวกเราเห็นผู้ร้ายหลักคือรัสเซีย"
และเสริมต่อว่า ประธานาธิบดีปูตินจะทำพลาดอย่างมหันต์ในการที่เล่นกับทรัมป์ ดังนั้นกฎหมายนี้จะอยู่ในกล่องเครื่องมืออุปกรณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์
กฎหมายแกรมภายใต้ชื่อ กฎหมายการคว่ำบาตรรัสเซียปี 2025 จะถูกเสนอก็ต่อเมื่อมอสโกปฎิเสธที่จะเจรจาสันติภาพ ละเมิดข้อตกลงสันติภาพหรือโจมตียูเครนอีกครั้งในอนาคต
แกรมคาดการณ์ว่า กฎหมายของเขาจะมีผู้สนับสนุนร่วมไม่ต่ำกว่า 67 คนจากสว.ภายในสุดสุปดาห์ เพียงพอที่จะเมินการวีโตจากประธานาธิบดีสหรัฐฯหากว่าทรัมป์ต่อต้านแผน
สำนักงานของสว.ลินด์ซีย์ แกรมกล่าวว่า ภาษีลงโทษ 500% นี้น่าจะส่งผลกระทบหนักสุดไปที่ประเทศคู่ค้าสำคัญรัสเซียทั้ง จีน อินเดีย และอิหร่าน และอีกทั้งอาจยังมีผลกระทบต่อพันธมิตรยุโรปบางชาติที่ยังคงซื้อสินค้ารัสเซียต่อไป
ทรัมป์ที่ผ่านมาออกมาเลี่ยงมาตรการลงโทษใดๆต่อรัสเซียถึงแม้ฝั่งมอสโกจะยังคงโจมตียูเครน
หลังจากรัสเซียได้โจมตีกรุงเคียฟในเดือนที่แล้วและสังหารพลเรือนไป 12 คน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกปากตำหนิมอสโก โดยเรียกการโจมตีว่า “ไม่จำเป็นและเป็นการลงมือที่ผิดเวลา” พร้อมเรียกร้องโดยตรงไปยังปูตินด้วยการประกาศว่า “วลาดิมีร์ หยุด!” แต่ไม่ได้กล่าวต่อไปถึงผลใดๆที่จะตามมา