รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มีท่าทีอ่อนลง หลังผู้ว่าฯ ปราจีนบุรีกราบขอโทษ กรณีจ่อตั้งกรรมการสอบสวน แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษา ระบุไม่ได้อึดอัดใจ คิดว่าจากนี้ไปคงไม่มีใครที่จะทำเรื่องเช่นนี้อีก ไม่จำเป็นไม่ต้องตั้งดีกว่า
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เดินทางเข้ากระทรวงปฏิบัติหน้าที่ พบว่า นายวีระพงษ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มายืนรอต้อนรับนายอนุทิน และยกมือไหว้ นายอนุทินจึงใช้มือตบไปที่ไหล่ และมีการพูดคุยกันสักพัก ก่อนที่นายอนุทินจะเดินทางขึ้นไปยังห้องทำงาน โดยมีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี มีการเตรียมพวงมาลัยมามอบให้นายอนุทินด้วย เพื่อกราบขอโทษ กรณีที่มีการเซ็นหนังสือแต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษา จนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กระทั่งต้องยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งในที่สุด
จากนั้น นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี มาขอโทษที่ทำให้เกิดความอึดอัดใจ แต่ตนไม่ได้อึดอัด แต่มาเพราะคงเห็นตนให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกของตน ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร คำสั่งทุกอย่างที่ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ได้ออกคำสั่งเรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษาชุดนั้น ได้ทำการยกเลิกหมดแล้ว และให้เหตุผลว่าทำไมจึงยกเลิก ส่วนที่กระทรวงมหาดไทยทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ สำรวจตรวจสอบการแต่งตั้งที่ปรึกษาและส่งเรื่องกลับมาที่กระทรวงนั้น เป็นเรื่องที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ ตนไม่ทราบถึงขนาดนั้น ต้องแยกกัน ตนสั่งการสั่งงานในเชิงนโยบาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของข้าราชการฝ่ายประจำ โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ในฝ่ายข้าราชการประจำ
เมื่อถามว่า หลังจากผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ยกเลิกคำสั่งจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ทำรายงานชี้แจงว่า คิดในมุมการกระตุ้นเศรษฐกิจเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นความคิดของผู้ว่าฯ แต่มีเรื่องรายงานมาถึงตน ตนก็บอกกับปลัดกระทรวงมหาดไทยไป ว่าการเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด การไปปรึกษาใคร ที่เป็นประโยชน์ต่อจังหวัด มีแต่คนที่จะให้คำปรึกษาไม่จำเป็นถึงขั้นต้องตั้งเป็นที่ปรึกษา ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ทุกอย่างถูกยกเลิกไปหมดแล้ว และคิดว่าจากนี้ไปคงไม่มีใครที่จะทำเรื่องเช่นนี้อีก
เมื่อถามว่า จะมีผลเสียต่อทางราชการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะมีผลเสียก็ต่อเมื่อคนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเหล่านี้ไปแอบอ้าง และคนแต่งตั้งต้องรับผิดชอบ แต่ถามว่าอัตราข้าราชการเงินเดือน เบี้ยประชุม พวกนี้ไม่มีเบิกค่าเดินทางไม่ได้ ฉะนั้นเรื่องความเสียหายงบประมาณไม่มีอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่จำเป็นไม่ต้องตั้งดีกว่า ซึ่งสิ่งที่ตนพูดเปรียบเสมือนนโยบายแล้ว
สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากนายวีระพงษ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มีคำสั่งแต่งตั้งนายจุน เชิง ซู (Juncheng Zhu) ผู้บริหาร บริษัท ปราจีน ลาเท็กซ์ จำกัด สัญชาติจีน เป็นที่ปรึกษา ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ภายหลังจังหวัดปราจีนบุรีชี้แจงว่า ได้รับการประสานจากหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด และภาคเอกชนในพื้นที่ เรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างนครฉางชุน มณฑลจี๋หลิน และเมืองตงกว่าน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน อีกทั้งกำลังเตรียมการรองรับการพัฒนาเป็นพื้นที่ EEC จึงแต่งตั้งนายจุน เชิง ซู เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี เพราะมีความสามารถในการสื่อสาร เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง จ.ปราจีนบุรี กับประเทศจีน แต่พบว่าเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนในสื่อต่างๆ จึงได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว
ส่วน นายสมบัติ สิทธิมงคล ประธานหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า หอการค้าจังหวัดฯ มุ่งหวังสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่าง จ.ปราจีนบุรี กับมณฑลหนึ่งของจีน หวังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการขับเคลื่อนจังหวัดไปในทิศทางที่ดี เมื่อเกิดประเด็นและข้อห่วงใย ทำให้ชาว จ.ปราจีนบุรีไม่สบายใจ ห่วงใยในผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดต่อจังหวัด จึงขอประกาศลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ออกมาตำหนิว่า สมควรที่จะได้รับวิพากษ์วิจารณ์ เพราะถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และได้ฝากนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตำหนิไปว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นถึงผู้ว่าฯ ต้องมีวุฒิภาวะ เชื่อว่าปลัดกระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการตักเตือนไป ส่วนตนต้องขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ แม้ไม่ใช่ความผิด แต่กระทรวงมหาดไทยสามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้ ส่วนคำชี้แจงที่ว่า เพื่อรับการพัฒนาเป็นพื้นที่ EEC นั้นไม่มีเหตุผล เพราะผู้ว่าฯ เป็นราชการระดับซี 10 (ระดับอธิบดี) ซึ่งตำแหน่งที่ปรึกษาแบบนี้ไม่มีอัตรา ไม่มีเงินเดือนอยู่ในระบบราชการ และเป็นถึงผู้ว่าฯ เวลาอยากจะปรึกษาใคร มีคนพร้อมให้คำปรึกษาอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาทำนิคมอุตสาหกรรมใน จ.ปราจีนบุรี ยิ่งให้คำปรึกษาผู้ว่าฯ เพราะจะได้ผลดีไปด้วย แต่ไม่ใช่ผลประโยชน์