ผู้ซื้อจากสหรัฐฯ เริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้าจากจีนอีกครั้ง โดยยอมรับภาระภาษีนำเข้าเอง และสั่งซื่้อสินค้าในราคาก่อนขึ้นภาษี ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่อาจบ่งชี้ถึงการฟื้นฟูของห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก
มู่หลงเซิง ผู้บริหารของบริษัท Jiangsu Huateng Personal Care Products ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น แปรงสีฟันและไหมขัดฟันภายใต้แบรนด์ของ Walmart และบริษัทค้าปลีกอื่นๆ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าสหรัฐฯ รายอื่นๆ แม้ยังไม่ได้รับออเดอร์จาก Walmart โดยลูกค้าที่สั่งซื้อมานั้นยอมรับภาระภาษีนำเข้าเอง และยังคงสั่งสินค้าในราคาก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะขึ้นภาษี
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ Walmart ยังไม่กลับมาสั่งสินค้านั้น อาจเป็นเพราะช่วงปลายปีที่แล้ว Walmart ได้เร่งสั่งซื้อสินค้าในปริมาณมากเพื่อกักตุนไว้ล่วงหน้า ส่งผลให้ยังมีสินค้าคงคลังที่ต้องระบายก่อน
แม้ว่าผู้ซื้อจากสหรัฐฯ จะพยายามหาฐานการผลิตใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากจีน แต่การเปลี่ยนแปลงแหล่งผลิตไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากโรงงานใหม่ต้องผ่านกระบวนการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ระบบห่วงโซ่อุปทานของบางประเทศในภูมิภาคยังไม่สมบูรณ์ แม่พิมพ์สำหรับผลิตสินค้ายังต้องจัดหาจากจีน และระยะเวลาการผลิตและส่งมอบจากจีนสั้นกว่า (จีนใช้เวลา 25 วัน ขณะที่ประเทศอื่นเฉลี่ย 40 วัน)
ต่างจากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมแฟชั่นยังเผชิญแรงกดดันด้านราคาอย่างหนัก โดย ซุนชิง ผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทเสื้อผ้าแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงซู เผยว่า ลูกค้าจากสหรัฐฯ กดดันให้บริษัทของเธอรับภาระภาษีร่วมกับผู้นำเข้าและ Walmart โดยเสนอให้แบกรับต้นทุนเพิ่ม 20-30% แม้ว่าต้นทุนผลิตสินค้าแทบจะไม่เหลือกำไร
บริษัทของเธอมีคำสั่งซื้อรวม 4 ล้านชิ้น แต่ยังคงค้างอยู่ครึ่งหนึ่ง เพราะเคยถูกสั่งให้ลดราคาถึง 50% ทำให้ต้องระงับการส่งมอบ แม้ว่าขณะนี้ลูกค้าจะยอมรับการลดราคาที่ 30% แต่ราคานี้ก็ยังทำให้บริษัทขาดทุนจากการผลิตทุกชิ้น
รายงานจากหนังสือพิมพ์หมิงเป้าในฮ่องกงเมื่อวันที่ 26 เมษายน ระบุว่า Walmart และผู้ค้าปลีกรายใหญ่อื่นๆ ของสหรัฐฯ เริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้าจากจีนอีกครั้ง โดยระบุชัดว่าใช้รูปแบบการขนส่งแบบ FOB (Free On Board) ที่ผู้ซื้อเป็นผู้รับภาระภาษีทั้งหมด
หลินรุ่ย ประธานบริษัท Hunan Xianfeng Ceramics กล่าวในงานแสดงสินค้ากวางเจาแฟร์ ว่า คำสั่งซื้อของบริษัทถูกจองล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว และเตือนว่า หากไม่รีบส่งมอบสินค้าในตอนนี้ อาจเกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทานสะดุดในช่วงเดือนสิงหาคม
ซึ่งสินค้าหลายกลุ่มในสหรัฐฯ เริ่มได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น
รายงานของสื่ออเมริกัน เช่น The New York Times และ The Washington Post ชี้ว่าอุตสาหกรรมดอกไม้ในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบหนักในช่วงวันแม่ เนื่องจากต้นทุนดอกไม้และวัสดุบรรจุภัณฑ์พุ่งสูง
สินค้าในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องใช้ในครัว เครื่องใช้ในห้องน้ำ และของตกแต่งบ้าน ต่างมีสัดส่วนการนำเข้าจากจีนตั้งแต่ 60-99% หากภาษีนำเข้ายังอยู่ ราคาสินค้าเหล่านี้จะยิ่งพุ่งสูง
ดอกไม้ไฟที่ใช้ในเทศกาลสำคัญ โดยเฉพาะ วันชาติครบรอบ 250 ปีของสหรัฐฯในปี 2569 อาจไม่มีเพียงพอจำหน่าย เพราะ 95% ของดอกไม้ไฟนำเข้าจากจีน
อุตสาหกรรมของเล่นของสหรัฐฯ ซึ่ง 80% เป็นสินค้าที่ผลิตในจีน กำลังเผชิญวิกฤต หลายบริษัทประกาศขึ้นราคาสินค้าหลายสิบเปอร์เซ็นต์เพราะแบกรับภาษีไม่ไหว บางรายถึงกับหยุดการสั่งผลิตเพราะวัตถุดิบที่จำเป็น เช่น เส้นผมของตุ๊กตา...ในสหรัฐฯ ไม่มีโรงงานผลิตวัตถุดิบตัวนี้
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของ Walmart, Target, Home Depot และบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าที่ส่งผลต่อผู้บริโภคอย่างรุนแรง และทำให้สินค้าเริ่มขาดแคลน
ผลสำรวจของ China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) เมื่อวันที่ 28 เมษายน ระบุว่า 49.6% ของผู้ส่งออกจีนเตรียมลดสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ, 75.3% มีแผนบุกตลาดใหม่ในภูมิภาคอื่น เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ เพื่อชดเชยตลาดสหรัฐฯ ที่หดตัว
ที่มา: Jiemian News, Ming Pao, The New York Times, The Washington Post, China Central Television (CCTV), CCPIT