รัฐบาลอินเดียประกาศปิดน่านฟ้าห้ามสายการบินของปากีสถานผ่านเมื่อวันพุธ (30 เม.ย.) เพียงไม่กี่วันหลังจากที่อิสลามาบัดใช้มาตรการเดียวกันกับอินเดีย หลังความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เพื่อนบ้านทรุดหนักจากเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 รายในดินแดนแคชเมียร์ฝั่งอินเดียเมื่อวันที่ 22 เม.ย.
คำสั่งแบนนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ไปจนถึงวันที่ 23 พ.ค. ตามประกาศของรัฐบาลอินเดีย
อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินปากีสถานนั้นคาดว่าจะน้อยกว่าในอินเดีย เนื่องจากมีเพียงสายการบิน Pakistan International Airlines (PIA) เส้นทางกัวลาลัมเปอร์เท่านั้นที่จำเป็นต้องผ่านน่านฟ้าแดนภารตะ
PIA ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติปากีสถานแถลงเมื่อวันอังคาร (29) ว่า บริษัทได้ตัดสินใจหลีกเลี่ยงน่านฟ้าอินเดียอยู่แล้ว นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศย่ำแย่ลง
สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลปากีสถานได้สั่งปิดน่านฟ้าห้ามสายการบินของอินเดียผ่านเข้า-ออก อีกทั้งยังระงับการค้าทั้งโดยตรงและผ่านประเทศที่สาม และยังงดออกวีซ่าเอเชียใต้ที่เคยให้กับพลเมืองอินเดียด้วย
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องวานนี้ (30) ให้อินเดียและปากีสถานทำงานร่วมกันเพื่อลดอุณหภูมิความขัดแย้ง
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอ ได้หารือแยกกับ สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย และนายกรัฐมนตรี เชห์บาซ ชาริฟ แห่งปากีสถาน โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนอินเดียต่อสู้ลัทธิก่อการร้าย และในขณะเดียวกันก็ขอให้ฝ่ายปากีสถานให้ความร่วมมือในการสอบสวนเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น
สหรัฐฯ ยังประณามเหตุโจมตีที่แคชเมียร์ว่าเป็นการ “ก่อการร้าย” ที่ไร้เหตุผล และ รูบิโอ ก็ได้เรียกร้องให้ฝ่ายปากีสถานต้อง “ประณาม” เหตุการณ์นี้ พร้อมย้ำให้ 2 มหาอำนาจนิวเคลียร์เพื่อนบ้านทำงานร่วมกันเพื่อลดความตึงเครียด ฟื้นฟูการสื่อสารทางตรง และคงไว้ซึ่งสันติภาพ
สำนักนายกรัฐมนตรีปากีสถานแถลงว่า ชาริฟ ได้บอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่างคุยโทรศัพท์วานนี้ (30) ว่าคน “ขอคัดค้านความพยายามของอินเดียที่จะลากปากีสถานเข้าไปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้”
ผู้นำปากีสถานยังขอให้มีการสอบสวนที่เป็นกลาง โปร่งใส และเชื่อถือได้ พร้อมขอให้สหรัฐฯ ไปเตือนอินเดียให้ “เพลาๆ คำพูดยั่วยุ และแสดงออกอย่างมีความรับผิดชอบ”
อินเดียถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐฯ ในการต้านทานอิทธิพลของจีน ในขณะที่ปากีสถานก็ยังคงเป็นชาติพันธมิตร แม้จะลดความสำคัญลงไปบ้างหลังจากที่สหรัฐฯ ถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานเมื่อปี 2021
ทางการอินเดียได้ระบุตัว “ผู้ก่อการร้าย” ทั้งหมด 3 คน โดย 2 คนเป็นพลเมืองปากีสถาน ขณะที่ฝ่ายอิสลามาบัดยืนกรานปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ทั้ง 2 ฝ่ายได้ใช้มาตรการตอบโต้กันไปมา รวมถึงการที่อินเดียระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ ( IWT ) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาว่าด้วยการกระจายน้ำระหว่างอินเดียและปากีสถาน
รัฐบาลปากีสถานแถลงวานนี้ (30) ว่ามี “ข่าวกรองที่น่าเชื่อถือ” ว่าอินเดียเตรียมจะเปิดปฏิบัติการทางทหารโจมตีปากีสถานในอีกไม่ช้า
ที่มา: รอยเตอร์