ปากีสถานประกาศพร้อมตอบโต้ อ้างข่าวกรองชี้อินเดียเตรียมเปิดปฏิบัติการทางทหารเล่นงานตนภายในเวลา 24-36 ชั่วโมง ขณะสื่อแดนภารตะระบุนายกรัฐมนตรีโมดี ไฟเขียวกองทัพเลือกรูปแบบ เป้าหมาย และเวลาในการดำเนินการตอบโต้ จากกรณีที่กลุ่มติดอาวุธซึ่งนิวเดลีเชื่อว่าอิสลามาบัดให้การสนับสนุน ก่อเหตุโจมตีนักท่องเที่ยวในแคว้นแคชเมียร์ จนมีผู้เสียชีวิต 26 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ตามปากคำของพวกเจ้าหน้าที่และผู้รอดชีวิตระบุว่า ในเหตุร้ายซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา มือปืน 3 คนบุกเข้าไปในพื้นที่เมืองพาฮัลแกม ซึ่งอยู่ในแคว้นแคชเมียร์ ส่วนที่อยู่ในการปกครองของอินเดีย จากนั้นก็ถามชื่อนักท่องเที่ยวแต่ละคน ก่อนเลือกยิงเผาขนกลางวันแสกๆ ใส่ชาวฮินดู ทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน
หลังจากนั้น กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า รีซิสแทนซ์ ฟรอนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทางการอินเดียเชื่อว่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มอิสลามิสต์ ลัชการ์-อี-ตัยบา ในปากีสถาน ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีดังกล่าว ในการนี้ นิวเดลีกล่าวหาว่าอิสลามาบัดให้การสนับสนุนการก่อการร้ายข้ามพรมแดน ทว่า ปากีสถานปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและเรียกร้องให้ดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นปราศจากอคติ
สถานการณ์ระหว่างอินเดียที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู และปากีสถานที่เป็นประเทศอิสลาม อีกทั้งเป็นศัตรูกันมานาน กำลังเพิ่มความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างประกาศมาตรการตอบโต้กัน โดยอินเดียระงับชั่วคราวการปฏิบัติตามสนธิสัญญาแบ่งปันการใช้แม่น้ำสินธุระหว่างประเทศทั้งสอง ขับนักการทูตปากีสถาน ปิดพรมแดนทางบก และระงับการออกวีซ่าให้พลเมืองปากีสถาน ซึ่งเท่ากับเป็นการสั่งให้ชาวปากีสถานเดินทางออกจากอินเดียภายในเวลา 2-3 วัน ส่วนปากีสถานปิดน่านฟ้าไม่ให้สายการบินอินเดียผ่าน
ในวันพุธ (30 เม.ย.) ปากีสถานออกคำแถลงโดยอ้างข้อมูลข่าวกรองที่เชื่อถือได้ว่า อินเดียมีแผนเริ่มปฏิบัติการทางทหารต่อปากีสถานภายใน 24-36 ชั่วโมงข้างหน้า โดยใช้ข้ออ้างที่ปราศจากความจริงว่า อิสลามาบัดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีที่พาฮัลแกม
คำแถลงยังระบุว่า อิสลามาบัดประณามการก่อการร้ายทุกรูปแบบ และจะตอบโต้ขั้นเด็ดขาดหากถูกอินเดียโจมตี แต่ยืนยันว่า ปากีสถานจะไม่เป็นฝ่ายโจมตีก่อน
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของอินเดีย ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอาร์ที ของรัสเซียรายงานโดยอ้างอิงรายงานข่าวของสถานีเอ็นดีทีวีของอินเดีย ซึ่งระบุว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงแดนภารตะ เมื่อวันอังคาร (29) นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ประกาศให้ “อิสระในการดำเนินการอย่างเต็มที่” แก่กองทัพ ในการตัดสินใจทั้งรูปแบบ เป้าหมาย และกำหนดเวลาในการตอบโต้เหตุการณ์ก่อการร้ายเมื่อวันที่ 22 ในแคชเมียร์
การประชุมคราวนี้ ผู้ที่เข้าร่วมมีทั้ง ราชนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีกลาโหม, อาจิต โดวัล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และพลเอกอนิล โชฮัน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
เอ็นดีทีวียังรายงานว่า ในระหว่างการประชุม โมดีย้ำให้จัดการกลุ่มก่อการร้ายสถานหนัก พร้อมแสดงความเชื่อมั่นต่อกองทัพอินเดีย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังเหตุโจมตีที่แคชเมียร์ โมดี ได้ออกมาประกาศว่า อินเดียกำลังไล่ล่าผู้ก่อการร้ายเหล่านั้น รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนเพื่อนำตัวมาลงโทษ และย้ำอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ (27 ) ว่า ผู้กระทำผิดและผู้สมรู้ร่วมคิดจะเผชิญการตอบโต้รุนแรงที่สุด
ขณะที่ในช่วงสัปดาห์นี้ รอยเตอร์รายงานว่า มีการการยิงปืนตอบโต้กันระหว่างทหารสองฝ่ายตามแนวชายแดน โดยทำท่าขยายเพิ่มมากขึ้นด้วย ทว่ายังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือล้มตาย
ทั่วโลกต่างจับตาด้วยความกังวลถึงสถานการณ์การเผชิญหน้ากันคราวนี้ระหว่าง 2 ประเทศซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองกันทั้งคู่ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯแถลงว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ จะโทรศัพท์หารัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียและปากีสถานเร็วๆ นี้เพื่อขอให้ละเว้นจากการทำให้สถานการณ์ลุกลาม
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แถลงว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ของปากีสถาน และ สุพราหมัณยัม ชัยศังกร รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย โดยย้ำความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ร้ายแรง
ทว่า หลังจากนั้นสำนักนายกรัฐมนตรีปากีสถานได้เรียกร้องให้กูเตอร์เรสแนะนำให้อินเดียใช้ความอดกลั้น พร้อมประกาศปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศสุดกำลังหากถูกอินเดียโจมตี
ทางด้านอังกฤษเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในความสงบ และแนะนำให้ประชาชนงดเดินทางไปยังแคว้นจัมมูร์และแคชเมียร์โดยไม่มีข้อยกเว้น
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี/อาร์ที)