xs
xsm
sm
md
lg

ครบรอบ 1 เดือนตึก สตง.ถล่ม DSI ลุยหาหลักฐานนอมินี กทม.คาด พ.ค.เคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเหตุแผ่นดินไหว ตึก สตง.ถล่ม เสียชีวิต 63 สูญหาย 31 ดีเอสไอเข้าตรวจเอกสาร 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานสำคัญ มัดนอมินีสร้างตึก สตง. ส่วน กทม. เผยผลรื้อโครงสร้างอาคารระดับเดียวกับพื้นชั้น 1 แล้ว เตรียมถอนรถจอมมารบูออกจากพื้นที่ แล้วเสริมแบคโฮหัวกระแทกแทน คาด พ.ค.นี้ เคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จ

วันนี้ (28 เม.ย.) เป็นวันครบรอบ 1 เดือน เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ลึกจากพื้นดินราว 10 กิโลเมตร ศูนย์กลางประเทศเมียนมา แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร ทำให้โครงสร้างอาคารสูง 30 ชั้น ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่กำลังก่อสร้างบริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาได้รับความเสียหาย มีผู้ประสบเหตุรวม 103 ราย เสียชีวิต 63 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และสูญหายอีก 31 ราย

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้เชิญเจ้าหน้าที่จาก สตง., บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มาพบที่ สตง. เพื่อร่วมกันเปิดตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้เก็บเอกสารของอาคาร สตง.ที่พังถล่ม โดยมีกรมโยธาธิการและผังเมือง ตำรวจ สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ผู้แทนจากกิจการร่วมค้า PKW และผู้แทนบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ประชุมร่วมกัน ณ ที่ทำการดีเอสไอ ก่อนเข้าเปิดตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกอายัดไว้ก่อนหน้านี้จำนวน 24 ตู้ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นสำนักงานชั่วคราว ภายในมีเอกสารเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร สตง. ที่ดีเอสไอต้องตรวจสอบเพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี

การเข้าตรวจสอบครั้งนี้ แบ่งชุดปฏิบัติการเป็น 4 ชุด แต่ละชุดประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ, กรมโยธาธิการและผังเมือง และดีเอสไอ โดยชุดที่ 1 และ 2 มีผู้แทนจากบริษัท อิตาเลียนไทยฯ เข้าร่วมสังเกตการณ์และชี้จุด ส่วนชุดที่ 3 และ 4 มีผู้แทนกิจการร่วมค้า PKW เข้าร่วมในลักษณะเดียวกัน การตรวจสอบจะเน้นหาเอกสารเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและการเสนอราคา โดยให้ความสำคัญกับตู้ที่ 19 เนื่องจากมีชั้นวางเอกสารจำนวนมาก และจะตรวจทีละตู้ หากพบว่าตู้ใดไม่ได้ใช้งานจะส่งมอบคืน แต่หากพบหลักฐานในตู้ใดก็จะตรวจยึดไว้ คณะพนักงานสอบสวนฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเอกสารภายในตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 24 ตู้ เพื่อนำมาประกอบสำนวน สิ่งที่ต้องการคือเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง, แบบ Shop Drawing, เอกสารการติดต่อระหว่างผู้รับจ้างช่วง, เอกสารการทำงานของวิศวกรจีนและวิศวกรไทย รวมถึงรายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีตและเหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่พบที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานอื่นที่เคยเข้าตรวจค้นไปแล้ว โดยเอกสารที่ได้มาก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นการติดต่อกับทางราชการ

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.สุรวุฒิ ไม่กังวลว่าเอกสารอาจอยู่ไม่ครบ ซึ่งเคยมีกรณีลักลอบขนย้ายออกไป เพราะได้ทำงานร่วมกับตำรวจอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าเอกสารที่เคยถูกขนออกไปนั้นได้รับคืนมาครบถ้วนแล้ว สำหรับการตรวจสอบวันนี้ มีตัวแทนจากบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และกิจการร่วมค้า PKW เข้าร่วมสังเกตการณ์ตามขั้นตอน ส่วนบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วม เนื่องจากบริษัท อิตาเลียนไทยฯ เป็นตัวแทนในนามบริษัทร่วมทุนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ เอกสารที่ได้จะนำไปใช้ประกอบการสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งในส่วนของดีเอสไอและกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ส่วนการสอบปากคำวิศวกร 40 รายนั้น ดีเอสไอได้เรียกไปทั้งหมดแล้ว และจะเริ่มทยอยสอบปากคำวันละ 10 ราย ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน แต่ยังต้องรอดูว่าวิศวกรจะเดินทางมาให้ปากคำครบตามที่เรียกหรือไม่ ส่วนกระแสข่าวความพยายามโยนความผิดให้ผู้ออกแบบ เพื่อให้ผู้แก้ไขแบบพ้นผิดนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการสอบสวนพิจารณาทั้งระบบ แม้จะมีผู้ให้ข้อมูลในประเด็นต่างๆ แต่ท้ายที่สุดต้องยึดผลการสอบสวนเป็นหลัก

ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถลดทอนความสูงของโครงสร้างลงมาเหลือเฉลี่ยประมาณ 1.37 เมตร ซึ่งหากมองโครงสร้างด้านหน้า ขณะนี้จะสามารถมองเห็นผนังของชั้นใต้ดินได้ โดยหากวัดระดับจากด้านข้างอาคารที่เป็นระดับเดียวกับพื้นชั้น 1 ก็จะเห็นว่าขณะนี้ระดับความสูงของโครงสร้างด้านหน้าลงมาเทียบเท่ากับบริเวณพื้นชั้น 1 แล้ว คงเหลือแต่โครงสร้างด้านหลัง ที่ยังคงมีความลาดเอียงชัน ซึ่งแผนการดำเนินงานในวันนี้ จะมีการเร่งนำชิ้นส่วนโครงสร้างที่พังถล่มลงมาออกตรงจุดโซน C ใกล้อาคารจอดรถ โดยการแยกปูนและเหล็กออก เพื่อปรับโครงสร้างให้สมดุลกับจุดด้านหน้า และเพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงชั้นใต้ดินได้

ส่วนการนำผู้ติดค้างออกจากใต้ซากอาคารเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้ติดค้างออกมาได้เพิ่มเติม 1 คน จากบริเวณโซน D และเจอชิ้นส่วนเพิ่มเติมอีก 5 เคส ในกองซากอาคาร ขณะเดียวกัน ยังพบชิ้นส่วนอีก 1 ชิ้น ที่กองเศษปูน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงต้องมีการปรับแผนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในบางโซนที่ต้องใช้กำลังคน ปรับเครื่องจักรให้สอดคล้องระดับชั้นความสูงและพื้นที่ ซึ่งวันนี้จะมีการปรับแผนถอนการใช้รถแบคโฮ SK-1000 หรือจอมมารบู ออกจากพื้นที่ เพราะสภาพโครงสร้างขณะนี้ต่ำกว่าระดับเซ็นเซอร์ที่เครื่องจักรจะสามารถตรวจสอบได้ โดยจะมีการเสริมรถแบคโฮหัวกระแทกเข้ามาแทน

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 30 วันที่ผ่านมา ส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับผลการปฏิบัติงาน เพราะต้องยอมรับว่า การถล่มลงมาของอาคาร ซึ่งการจะขุดไปถึงชั้นใต้ดินได้หลังจากนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากมีอุปสรรค และลักษณะคอนกรีตมีความสมบูรณ์ บางจุดมีเศษซากชิ้นส่วนแตกหัก ซึ่งก็เป็นปัญหาที่แตกต่างกัน แต่เบื้องต้นกำหนดเป้าหมายว่าจะดำเนินการให้ได้วันละ 1 เมตร ซึ่งหากสามารถทำได้ การทำงานก็จะเสร็จได้รวดเร็วขึ้น แต่ยืนยันภายในเดือน พ.ค. จะสามารถเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดได้แล้วเสร็จอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น