xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่ “จ.ส.ต.ประวัติ”ไม่อยากได้ปูนบำเหน็จอยากได้ลูกชายคืนเพราะเป็นเสาหลักครอบครัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ร้อยเอ็ด– พ่อแม่ จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา แทบขาดใจหลังรู้ข่าวลูกชายเสียชีวิตจากเครื่องบินตกที่หัวหิน ลั่นไม่อยากได้ปูนบำเหน็จใดใด อยากได้ชีวิตลูกชายคืนมากกว่า ด้านน้องชายซึ่งเป็นผู้พิการเผยครอบครัวภูมิใจในตัวพี่ชายมากที่เป็นตำรวจและเป็นเสาหลักดูแลครอบครัวตลอดมา



จากกรณีเกิดเหตุเครื่องบินของกองบินตำรวจตก บริเวณทะเลใกล้กับสนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์เมื่อวันที่ 25 เม.ย.68 ที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ 5 ราย ส่วน ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวหินและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม 1 ในผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นนายตำรวจช่างเครื่องชาวร้อยเอ็ด

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 1 บ้านโคกล่าม ต.จุตรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด บ้านตามภูมิลำเนาของ จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา (ช่างเครื่อง) นายตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกที่ชะอำ ฐานะทางบ้านของ จ.ส.ต.ประวัติค่อนข้างยากจน ทางพ่อแม่ไม่สะดวกที่จะเดินทางมารับศพ

เมื่อไปถึงบ้าน พบว่าญาติๆมาให้กำลังใจกับครอบครัวของ จ.ส.ต.ประวัติ บริเวณฝาผนังยังมีรูปของ จ.ส.ต.ประวัติ แต่งกายชุดตำรวจติดอยู่ ขณะที่นายประดับ พลหงสา อายุ 26 ปี น้องชายของ จ.ส.ต.ประวัติ ซึ่งมีความพิการจากอุบัติเหตุ ก็ได้นำชุดตำรวจของพี่ชายมาให้ผู้สื่อข่าวดู ด้วยความภาคภูมิใจของครอบครัว


นางทัศน์ พลหงสา อายุ 67 ปี แม่ของ จ.ส.ต.ประวัติ เปิดเผยว่า ตนทราบข่าวจากชาวบ้าน ตอนแรกก็ยังไม่มั่นใจ หลังจากนั้นไม่นานญาติก็มาแจ้งข่าวว่า ขณะนี้มีรายชื่อเสียชีวิตแล้ว จากนั้น รองผู้การฯโทรมาหาจึงทำให้ตนมั่นใจ ว่าลูกชายนั้น เสียชีวิตแล้ว ปกติตนกับลูกไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเมษายนปีที่แล้วเนื่องจากลูกชายกลับมาบวช แต่ 2 วันก่อนเกิดเหตุก็ได้โทรศัพท์คุยกันอยู่ ลูกชายบอกว่าจะไปกระโดดร่มที่หัวหิน ก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนล่าสุดเกิดเหตุดังกล่าว

“ภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจของลูกชายมาก แต่วันนี้มาสูญเสียเขาไป ก็รู้สึกเสียใจ เพราะตน มีลูก 2 คนและผู้ตายเป็นลูกชายคนโต เสียใจที่ลูกชายต้องเสียชีวิตทั้งที่อายุยังน้อย ยอมรับว่าหลังรู้ข่าว รับไม่ได้ เข่าอ่อน ไม่มีแรง ตั้งสติไม่ได้ สงสารลูกมาก”นางทัศน์กล่าวและว่า




หลังจากนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการอและตนก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับศพลูกอยู่ที่บ้าน ไม่ได้เดินทางไปกรุงเทพฯแต่อย่างใด โดยก่อนเกิดเหจุ ก็มีรางสังหรณ์อยู่บ้าง ฝันไม่ดีอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ตนได้ทราบว่าทางผู้บังคับบัญชาเตรียมที่จะปูนบำเหน็จให้กับลูกชาย ซึ่งตนไม่อยากได้เงิน อยากได้ชีวิตของลูกชายคืนมามากกว่า เพราะเขาเป็นเสาหลักของครอบครัว

ทางด้านนายปานทอง พลหงสา พ่อผู้ตาย อายุ 62 ปี เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรและไม่ได้ฝันใดๆ ที่เป็นลางบอกเหตุ ส่วนมากตนเองจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับลูก เขาจะคุยกับแม่ของเขา แต่ลูกชายของตน ก็จะเป็นคนคอยส่งเงิน ให้กับที่บ้านอยู่เป็นประจำ หลังจากเกิดเหตุก็รู้สึกเสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทางครอบครัวก็ต้องสู้กันต่อไป หลังจากลูกของตนเสียชีวิต และมีการปูนบำเหน็จให้ ตนก็ไม่อยากได้ อยากได้ลูกกลับคืนมามากกว่า


ขณะที่นายประดับ พลหงสา อายุ 26 ปี น้องชายซึ่งเป็นผู้พิการ บอกว่า ตัวเองรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ไม่คิดว่าเรื่องเลวร้ายแบบนี้จะเกิดกับครอบครัว เพราะพี่ชายเป็นเสาหลักของบ้าน ทุกวันนี้ตนแทบช่วยเหลืออะไรครอบครัวไม่ได้เพราะพิการจากการถูกรถชน ตนมีความสนิทกับพี่ชายมากๆ ก่อนหน้านี้ตอนไม่พิการก็ไปอาศัยอยู่กับพี่ชายที่ กทม. แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนพิการก็ต้องกลับมาอยู่บ้าน ไม่สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้
กำลังโหลดความคิดเห็น