แอปเปิลมีแผนย้ายฐานการประกอบไอโฟนทั้งหมดที่ป้อนสู่สหรัฐฯ จากจีนไปยังอินเดีย ตามหลังความตึงเครียดทางการค้าที่ลุกลามบานปลายระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำหนดเพดานภาษีในวงกว้างเล่นงานประเทศต่างๆนานา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจาก จีน ที่ถูกรีดภาษีสูงสุด 145% เขาอ้างว่ามาตรการนี้จะช่วยคืนชีพภาคการผลิตภายในประเทศ และแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้า อย่างไรก็ตามปักกิ่งตอบโต้ด้วยการกำหนดมาตรการรีดภาษีของตนเองเช่นกัน รวมไปถึงกำหนดข้อจำกัดด้านการส่งออกต่างๆ
ในเวลาต่อมา หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ เผยแพร่รายการรายชื่อสินค้าที่ได้รับการยกเว้น โดยเหลือเพียงแค่อัตราภาษีที่เรียกเก็บต่างหาก 20% ซึ่งในนั้นรวมถึงคอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป, สมาร์ทโฟน เช่นเดียวกับอุปกรณ์และชิ้นส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ อย่างไรก็ตามทางทำเนียบขาวเน้นว่าข้อยกเว้นดังกล่าวมีเจตนาเพื่อให้บริษัทต่างๆมีเวลามากพอ ในการโยกย้ายการผลิตกลับสู่แผ่นดินสหรัฐฯ
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานในวันศุกร์(25เม.ย.) อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นนี้ ระบุว่าแอปเปิลหวังย้ายสายการประกอบไปยังอินเดียโดยสมบูรณ์ ในช่วงปลายปี 2026 ซึ่งครอบคลุมถึงไอโฟนมากกว่า 60 ล้านเครื่องที่ขายในสหรัฐฯ ในแต่ละปี
ตามรายงาของสื่อแห่งนี้ ระบุว่าที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีสัญชาติสหรัฐฯ ได้เร่งรัดยุทธศาสตร์กระจายความหลากหลายตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ท่ามกลางสงครามการค้าที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้ได้วางเป้าเพิ่มกำลังผลิตไอโฟนในอินเดียอีกเท่าตัว
แม้แอปเปิลเคลื่อนย้ายสายการผลิตบางส่วนไปยังอินเดียและเวียดนาม แต่จีนยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตชั้นนำของไอโฟนที่ป้อนไปทั่วโลก โดย แอปเปิล ลงทุนอย่างมหาศาลในจีน ในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะที่ชิ้นส่วนจำนวนมากที่นำเข้ามาประกอบกันระหว่างกระบวนการการประกอบนั้น มีแหล่งที่มาจากจีน
เมื่อช่วงต้นเดือน หนังสือพิมพ์ไทม์สออฟอินเดีย รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ยังไม่เปิดผยชื่อ ระบุว่า แอปเปิล ใช้เครื่องบิน 5 ลำ ลำเลียงไอโฟนและอุปกรณ์อื่นๆจากอินดเยไปยังสหรัฐฯ ภายในระยะเวลาเพียง 3 วันในช่วงปลายเดือนมีนาคม รายงานข่าวชี้ว่าความเคลื่อนไหวดังกลาวมีขึ้นท่ามกลางความคาดหมายว่า ทรัมป์ จะบังคับใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดีย 10% ในวันที่ 5 เมษายน
โอโฟนรุ่นถูกสุด ไอโฟน 16 มีราคาเปิดตัวในสหรัฐฯที่ 799 ดอลลาร์(26,700บาท) เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน แต่เวลานี้ราคาอาจพุ่งขึ้น 43% เป็น 1,142 ดอลลาร์(ราว 38,000 บาท) หาก แอปเปิล เลือกส่งผ่านภาระให้แก่พวกผู้บริโภค จากการประเมินของรอยเตอร์
(ที่มา:ไฟแนนเชียลไทม์ส/อาร์ทีนิวส์)