ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันศุกร์(25เม.ย.) แต่ตลอดสัปดาห์ปรับลด ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจความคาดหมายอุปทานล้นตลาดและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาปลดมาตรการรีดภาษีระหว่างสหรัฐฯกับจีน อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ของการสงบศึกทางการค้าของ 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ดันวอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อยและฉุดทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ ปิดที่ 63.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 66.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศปักกิ่งบอกว่าจีนและสหรัฐฯยังไม่มีการปรึกษาหารือกันใดๆหรือการเจรจาปลดมารตรการรีดภาษี อย่างไรก็ตามมันสวนทางกับคำกล่าวอ้างของประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่บอกในวันพฤหัสบดี(24เม.ย.) ว่าวอชิงตันกับปักกิ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าจีนกำลังพิจารณายกเว้นสินค้านำเข้าบางประเภทจากสหรัฐฯ จากเพดานภาษี 125% และขอให้ภาคธุรกิจมอบรายการสินค้าต่างๆที่อาจมีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นดังกล่าว ในสัญญาณชัดเจนที่สุดที่บ่งชี้ว่าปักกิ่งเองก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้าเช่นกัน
ด้านตลาดหุ้นสหัฐฯปิดบวกในวันศุกร์(15เม.ย.) นักลงทุนพินิจพิเคราะห์รายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆ และจับตาดูสัญญาณแห่งการคลายความตึงเครียดในข้อพิพาททางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 20.10 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 40,113.50 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 40.44 จุด (0.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,525.21 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 216.90 จุด (1.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,382.94 จุด
"เรามีจุดจบที่ดีในสิ่งที่เรียกว่าสัปดาห์ที่แข็งแกร่งอย่างมาก" เกรก บัสซัค ซีอีโอของเอเอ็กซ์เอส อินเวสต์เมนท์ ในนิวยอร์ก ระบุ "สัปดาห์นี้เริ่มต้นด้วยบรรยากาศของการเทขาย แต่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอย่างแท้จริงหลังจากนั้น มันเป็นเป็นสัปดาห์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงกระตุ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เบาบางลงในสงครามการค้ากับจีน"
ส่วนราคาทองคำปรับลดในวันศุกร์(25เม.ย.) จากการแข็งค่าของดอลลาร์และสัญญาณความตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายลงระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง หลังจีนยกเว้นรีดภาษีสินค้าบางรายการที่นำเข้าจากสหรัฐฯ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 50.20 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 3,298.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)