ราคาน้ำมันขยับลง 2% ในวันพุธ(23เม.ย.) หลังมีข่าวโอเปกพลัสกำลังพิจารณาเพิ่มกำลังผลิต ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกแข็งแกร่งและทองคำปรับลด ท่ามกลางสัญญาณว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหัฐฯ อาจยอมประนีประนอมในการเจรจาการค้ากับจีน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
"สมาชิกโอเปกพลัสหลายชาติจะชี้แนะให้ทางกลุ่มเพิ่มกำลังผลิต 2 เดือนติดต่อกันในเดือนมิถุนายน" รอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการพูดคุยของโอเปกพลัส ปัจจัยนี้ก่อความกังวลอุปทานล้นตลาด
อย่างไรก็ตามตลาดน้ำมันขยับลงไม่มากนัก หลังมีข่าวว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะหาทางลดเพดานรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ขึ้นอยู่กับการเจรจากับปักกิ่ง แต่เน้นย้ำว่าความเคลื่อนไหวใดๆจะไม่ดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกแข็งแกร่งเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันพุธ(23เม.ย.) นักลงทุนคึกคักต่อเนื่อง หลังรัฐบาลทรัมป์ใช้สุ้มเสียงประนีประนอมกว่าเดิมในการเจรจาการค้ากับจีน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 419.59 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 39,606.57 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 88.10 จุด (1.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,375.86 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 407.63 จุด (2.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,708.05 จุด
รัฐมนตรีคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ ของสหรัฐฯ ยอมรับระหว่างกล่าวปราศรัยแบบเป็นการภายในเมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) ว่า การประจันหน้าเล่นงานจีนด้วยภาษีศุลกากรที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจกระทำอย่างยืนยาวได้ และเขาคาดหมายว่าจะมี “การลดระดับ” ในสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่เป็นเจ้าของระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก
ตลาดทุนแกว่งตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ในขณะที่วอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของทรัมป์ ที่ยืนยันว่าเขาไม่มีแผนปลด เจอโรม พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ที่บอกว่าไม่มีแผนปลดประธานเฟด และส่งสัญญาณมีความคืบหน้าในทางบวกกับจีน ในประเด็นรีดภาษี ผลักให้นักลงทุนปล่อยมือจากสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ฉุดให้ทองคำแกว่งตัวลงจากระดับสูงสุดตลอดกาลในวันพุธ(23เม.ย.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 125.30 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 3,294.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)