ตร.ออกหมายจับ “น็อต” ร่วมกระทืบพระปมบิดค่ายาเสพติด ขณะแม่ “ทู่” ยกมือขอโทษพระรับลูกอารมณ์ร้อน ยันไม่ใช่แก๊งเงินกู้โหด และไม่ทราบเรื่องยาเสพติด
จากกรณีเหตุการณ์แก๊งทวงหนี้บุกทำร้ายพระลูกวัดภายในกุฏิ ในพื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 20.00 น. ว่ามีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นภายในวัดแห่งหนึ่ง ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 เม.ย.68) พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ชยชัย นาธนกาญจน์ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.ท.เฉลิมฤทธิ์ ถาวร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนนทบุรี ร่วมกันถลงข่าวหลังจับกุมตัวผู้ก่อเหตุคือ นายภารเดช มูลอุไร หรือ “ทู่” อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 574/2568 ลงวันที่ 22 เมษายน 2568 ในข้อหา “ ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ และโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส” พร้อมของกลาง คือ 1.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง 2.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีขาว ทะเบียน 6กร 5489 กทม.
พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ กล่าวว่า จากการสอบสวนนายภารเดช หรือทู่ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้เข้าไปพูดคุยกับพระพรหมพงศ์ ภายในกุฏิ เพื่อทวงเงินจำนวน 14,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เขาได้โอนล่วงหน้าให้พระเพื่อสั่งซื้อสิ่งของ แต่กลับไม่ได้รับของตามตกลง เมื่อสอบถามแล้วพระไม่ยินยอมคืนเงิน จึงเกิดความไม่พอใจและลงมือทำร้ายร่างกายพระ
หลังเกิดเหตุ พระลูกวัดได้ขอให้ผู้ต้องหาพาไปเอาเงินคืนที่บ้านแฟนเก่าในพื้นที่ปากเกร็ด แต่เมื่อไม่ได้รับเงินคืน ผู้ต้องหาจึงได้ยึดโทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวน 700 บาท จากพระแล้วพาขึ้นรถจักรยานยนต์ออกจากวัด เมื่อถึงบริเวณซอยติวานนท์–ปากเกร็ด 1 อำเภอปากเกร็ด พระยังไม่สามารถหาเงินคืนได้ ผู้ต้องหาจึงลงมือทำร้ายพระอีกครั้ง และทิ้งพระไว้บริเวณริมทางก่อนหลบหนี
ส่วนผู้ต้องหาอีกราย ทราบชื่อคือ นายรัชชานนท์ พัฒนา หรือ น็อต อายุ 25 ปี ตำรวจอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนนทบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายภายในวันนี้
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนและขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 ราย หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด และในส่วนของพระสงฆ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนางสาวกาญจนา มูลอุใร อายุ 43 ปี มารดาของ นายการเดช มูลอุไร หรือ “ทู่” กล่าวว่า เงินที่ติดหนี้กัน เป็นจำนวน 10,000 บาท ลูกชายเคยพูดให้ฟังว่า เพื่อนยืมเงินไปแล้วหนี ไม่เอามาคืน กระทั่งวันที่ 19 ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุ ลูกชายเข้าไปที่วัด แต่ไม่ใช่เวลากลางคืน พอไปถึงก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ปรากฏในข่าว ส่วนประเด็นที่ลูกมาบอกเมื่อวานว่า ไปไล่ตีกัน แล้วคู่กรณีได้รับบาดเจ็บและอยู่โรงพยาบาลนั้น ตนยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับข่าวนี้หรือไม่
หลังเกิดเหตุ ลูกชายบอกกับตนว่าจะเข้าไปมอบตัว ตนจึงบอกให้รอก่อน เดี๋ยวตนจะไปเป็นเพื่อน แต่ลูกไม่ยอม รอ และเข้าไปมอบตัวเองกับเพื่อน สำหรับประเด็นการทวงเงิน ยอมรับว่ามีการพูดจายั่วยุและท้าทายกัน แล้วมีเรื่องชกต่อยจนบานปลาย ซึ่งก็ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนอารมณ์ร้อน ส่วนไหนที่ลูกทำผิดก็ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่อยากให้ลูกของตนได้รับความยุติธรรมด้วย
ลูกชายของตนไม่ใช่แก๊งเงินกู้ และไม่ได้ปล่อยเงินกู้ตามที่ปรากฏในข่าว ส่วนเรื่องยาที่ถูกกล่าวหา ตนไม่ทราบรายละเอียด รู้แค่ว่าลูกติดเงิน แต่ไม่ทราบว่าเป็นเงินค่าอะไร ตนไม่รู้จักพระ ไม่เคยเห็นหน้า และอยากขอให้สังคมมองลูกชายตนอย่างเป็นธรรม ลูกของตนใช้ชีวิตตามปกติสำหรับคนชื่อ “น็อต” ซึ่งยังอยู่ระหว่างหลบหนี แม่ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
ส่วนเรื่องโทรศัพท์ ที่ถูกกล่าวหาว่าลักทรัพย์ ยืนยันว่าเป็นการไปทวงเงิน แล้วไม่ได้รับเงินคืน จึงเอาโทรศัพท์มา แต่ต่อมาได้คืนโทรศัพท์ให้พระแล้ว พร้อมให้เงินค่ารถพระจำนวน 100 บาท ไม่ได้ไปทิ้งไว้ข้างทางตามที่เป็นข่าว
ส่วนเรื่องที่ลูกชายไปทำร้ายร่างกาย ตนก็ขอโทษผู้บาดเจ็บแทนลูก ส่วนเรื่องของความผิด ก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ถ้าประเด็นใดที่ไม่เป็นความจริง แล้วมีการกล่าวหา แม่ก็ขอขอต่อสู้คดี เพื่อให้ลูกชายได้รับความเป็นธรรม
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายทู่เข้าห้องผู้ต้องขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามสาเหตุที่ก่อเหตุทำร้ายพระ แต่นายทู่ ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด มีสีหน้าเคร่งเครียดก่อนถูกควบคุมตัวเข้าห้องผู้ต้องขัง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวส่งต่อศาลจังหวัดนนท์ภายในวันพรุ่งนี้