xs
xsm
sm
md
lg

“เหลือเชื่อ” ไม้ขีดไฟ “ทราย สก๊อต” ก้านเดียว จากอันดามัน ส่องทะลุถึง “สำนักงานอธิบดีน้อย”กรมอุทยานฯ ทุ่งบางเขน ** กรรมใดใครก่อ!! จำคุก“เนตร” 3 ปี คดีเปลี่ยนแปลงความเร็วรถช่วย “บอส” ส่วน “สมยศ”รอดแบบมีความเห็นแย้ง ว่าทำกันเป็นขบวนการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ทราย สก๊อต - เนตร นาคสุข - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ “เหลือเชื่อ” ไม้ขีดไฟ “ทราย สก๊อต” ก้านเดียว จากอันดามัน ส่องทะลุถึง “สำนักงานอธิบดีน้อย”กรมอุทยานฯ ทุ่งบางเขน

ไม้ขีดเพียงก้านเดียว ที่ “ทราย สก๊อต” สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี จุดเหนือท้องทะเลอันดามัน ท่ามกลางคลื่นลมแห่งอำนาจ และผลประโยชน์ที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง กลับทำให้หลายคนเริ่มเห็นวงจรอุบาทว์ ที่แฝงตัวอยู่ในหน่วยงานที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้อนุรักษ์ฯ

ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย กล่าวหากันไปอย่างไร้หลักฐาน แต่ปฏิบัติการปิดล้อมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โดยชุด ป.ป.ช. ฉก.ฉลามอันดามัน เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังได้กลิ่นทุจริตโกงค่าธรรมเนียม หรืออื่นๆ ที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ เป็นสัญญาณบอกสังคมได้อย่างดีว่า ที่นี่มีการทุจริต!!

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ในปีหนึ่งๆ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะมีรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานฯ ทั่วประเทศนับพันล้านบาท ซึ่งเมื่อปี 2567 สามารถเก็บเงินรายได้สูงถึง 2.2 พันล้านบาท

ในจำนวนนี้ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ ธารา หมู่เกาะพีพี จ.ภูเก็ต ยังรักษาแชมป์อันดับ 1 เก็บเงินได้กว่า 500 ล้านบาท รองลงมาคือหมู่เกาะอื่นๆ อีก 3 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.กระบี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง และอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา

ทำไมจึงต้องวนเวียนว่ายน้ำข้ามเกาะอยู่แถวๆ นี้ เหตุผลสำคัญก็เพราะนอกจากเป็นอุทยานทางทะเล ซึ่งมีพื้นที่สวยงามระดับโลก แล้วสิ่งหนึ่งที่ตามมาคือ ที่นี่เป็นแหล่งผลประโยชน์ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจมีหลายๆ ฝ่ายเข้ามาเก็บเกี่ยวทั้งภาครัฐ เอกชน ในหลากหลายรูปแบบ

ทราย สก๊อต
และหากใช้ทรัพยากรอย่างไม่ทะนุถนอม ใช้แบบไม่บันยะบันยัง แน่นอนว่าอีกไม่ช้านานธรรมชาติเหล่านั้นจะค่อยๆเสื่อมสลาย ไม่เหลืออะไรให้คนไทยและโลกชื่นชม

หลังเกิดศึกทะเลเดือด มีการกระทบกระทั่งระหว่าง "ทราย สก๊อต" กับบรรดาผู้เสียประโยชน์กระทั่งถูกบริษัทต่อเรือไทยมารีน ภูเก็ต จำกัด โดย "วรานนท์ ณ ตะกั่วทุ่ง " เดินหน้าฟ้อง ฐานเผยแพร่ข้อความเป็นเท็จหมิ่นประมาทแก่ ทราย สก๊อต
ต่อด้วยที่เราเปิดตัว “อธิบดีน้อย” อริยะ เชื้อชม วน.55 ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ สายตรง “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ได้รับรู้กัน

ว่ากันว่า เขาเป็น ผอ.ที่ได้รับความเกรงใจจากข้าราชการทุกระดับชั้น ภายในกรมอุทยานฯ เทียบเท่า หรืออาจมากกว่า"อรรถพล เจริญชันษา" อธิบดีกรมอุทยานฯ ตัวจริงเสียอีก

เฉลิมชัย ศรีอ่อน
ตำแหน่ง ผอ.สำนักอุทยานฯ ไม่ใช่ใครใครก็เป็นได้!!?? หากไม่เส้นแข็ง ไม่ปึ๊ก ไม่ใช่เด็กของปลัดกระทรวงฯ หรือ บางยุคบางสมัย อธิบดีฯยังคัดสรรได้ แต่ไม่ใช่ยุค “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน แน่นอน

ว่ากันว่า “อรรถพล” กับ "จตุพร บุรุษพัฒน์" ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ต้องยอมปล่อยมือ แลกกับการ “อยู่ต่อ” แลกกับความมั่นคงของเก้าอี้ตัวเอง ต้องอย่าลืมว่าทั้ง อรรถพล กับ จตุพร นั้นนั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ กับปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ มาหลายปี ผ่านรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 คน 3 พรรคการเมือง "อริยะ เชื้อชม" จึงเป็นม้ามืด เป็นสายตรงทางการเมือง ที่จัดมาดูแลขุมทรัพย์ ของกระทรวงทรัพย์ฯ

หลังจากเถลิงอำนาจ กุมหัวใจสำนักสำคัญภายในกรมอุทยานฯ ได้เรียบร้อย ขั้นต่อไปคือ บัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
ยุค"อรรถพล" กับ "ปลัดจตุพร" ต้องจารึกไว้ว่า มีการ แบโผ เปิดทางสะดวก เทให้ทั้งกายและใจรอการเมืองเป็นผู้จัดการทั้งหมด แน่นอนว่า สำนักสำคัญ อุทยานสำคัญจะอยู่ในการดูแลของใคร... รวมทั้งอุทยาน TOP 5 หรือ TOP 10 ใครจะมาบริหารจัดการ ระหว่างคนทำงานกับคนทำเงิน

ก่อนที่ไม้ขีดก้านแรกของหนุ่มน้อย “ทราย สก๊อต” จะมอดไหม้ดับลง แสงสว่างเรืองๆ จากอันดามัน ยังส่องตรงไปยังทุ่งบางเขน โดยเฉพาะที่ทำการสำนักอุทยานแห่งชาติ...เงินทุกบาท ทุกสตางค์ จากการเก็บค่าธรรมเนียมจะมากองรวมกันไว้ตรงนี้ กฎ กติกา แม้จะวางไว้อย่ารัดกุม มีทั้งคณะกรรมการหลายชุด มีทั้งคณะบอร์ดพิจารณา แต่ที่สุดแล้วทุกครั้งการประชุมตาทุกคู่ก็ต้องเหลือบไปที่ “คนใหญ่”

วัตถุประสงค์หลักของเงินจำนวนนี้ มีเพื่อใช้ทำนุ บำรุง ส่งเสริมสวัสดิภาพของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกคนในกรมอุทยานฯ หลักๆ ก็คือเสื้อผ้า ชุดทำงาน กระเป๋า เป้ เงินช่วยเหลือเยียวยาเจ้าหน้าที่ประสบอุบัติเหตุ ประสบภัยจากการทำงาน เจ็บ ตาย เงินช่วยเหลือทางคดีหากมีเจ้าหน้าที่ทำงานผิดพลาดแล้วถูกฟ้องร้อง งบพัฒนาบุคลากร มีการจัดฝึกอบรม หรือยังสามารถไปใช้ในสวัสดิการรูปแบบประกันภัยความเสี่ยงต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ตามที่ “ทราย สก๊อต” เสนอ แต่ความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น คือมีโครงการประหลาดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำนุ บำรุงบุคลากรซึ่งทราบกันดีว่าเบื้องบนสั่งมา และที่สำคัญคือ มีโครงการจัดซื้อเรือด้วยงบประมาณหลายร้อยล้านบาท !!

หากว่ามีชื่อของ บริษัทไทยมารีน จำกัด ภูเก็ต เข้าร่วมประมูลด้วย จงอย่าประหลาดใจ !!??

เนตร นาคสุข
++ กรรมใดใครก่อ!! จำคุก“เนตร” 3 ปี คดีเปลี่ยนแปลงความเร็วรถช่วย “บอส” ส่วน “สมยศ”รอดแบบมีความเห็นแย้ง ว่าทำกันเป็นขบวนการ

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษา เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.)ให้จำคุก 3 ปี “เนตร นาคสุข”, จำคุก 2 ปี “ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม” , ยกฟ้อง “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” อดีต ผบ.ตร.พร้อมจำเลยรายอื่นๆอีก 5 ราย
คดีร่วมกันกระทำผิด เปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยานความเร็วรถยนต์ฯเพื่อช่วยเหลือ “วรยุทธ อยู่วิทยา” หรือ “บอส” ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง กรณี “บอส”ขับรถหรูเฉี่ยวชน “ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ขณะขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555

ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 8 คน ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร., จำเลยที่ 2 พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน , จำเลยที่ 3 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ , จำเลยที่ 4 นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส

จำเลยที่ 5 นายชูชัย หรือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตสว. , จำเลยที่ 6 นายธนิต บัวเขียว, จำเลยที่ 7 รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ , จำเลยที่ 8 นายเนตร นาคสุข อดีต รองอัยการสูงสุด

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ทั้งนี้ นอกจากศาลเผยแพร่ข่าวสรุปผลคำพิพากษาตัดสินคดีนี้แล้ว ยังมีการเปิดเผยบันทึกความเห็นแย้งคำพิพากษา ของ “นายอุเทน ศิริสมรรถการ” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งเห็นว่า จำเลยทั้งแปด ในคดีนี้ มีการกระทำกันเป็นขบวนการ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ

โดยสำนวนคดีในตอนแรกนั้น “บอส วรยุทธ” ขับรถยนต์ เฟอร์รารี่ ชนท้ายรถจักรยานยนต์ตราโล่ ที่ “ดต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” เป็นผู้ขับขี่ จนถึงแก่ความตาย

ในการคำนวณความเร็วของรถเฟอร์รารี่ จากกล้องวงจรปิดขณะชนนั้น มีความเร็วเฉลี่ยประมาณ 177 กม.ต่อชั่วโมง
แต่จำเลยทั้งแปด สมคบกันกระทำความผิด ด้วยการวางแผนร่วมกันเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์ให้เหลือไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมง เพื่อประโยชน์ในทางคดี

สุดท้ายผลการคำนวณความเร็วใหม่ ได้ความเร็วของรถยนต์ 79.22 กม.ต่อ ชั่วโมง

แล้วส่งข้อมูลให้จำเลยที่ 8 “เนตร นาคสุข” พนักงานอัยการ ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสั่งคดี สั่งไม่ฟ้อง “บอส” ในข้อหาขับ รถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ทั้งๆ ที่ขัดแย้งกับพยานหลักฐานอื่น ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายของรถยนต์เฟอร์รารี่ รถจักรยานยนต์ของ “ดต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” รวมทั้งรอยครูดบนพื้นถนนที่ไกลถึง 164.45 เมตร และที่สำคัญ คือไม่ปรากฏรอยห้ามล้อรถยนต์ บริเวณจุดชนแต่อย่างใด

ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม
อย่างไรก็ตาม หลังจาก ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของโจทก์-จำเลย และพยานหลักฐานต่างๆแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า “นายชัยณรงค์” จำเลยที่ 4 กระทำผิดตามฟ้อง หรือไม่ เห็นว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ดำรงตำแหน่งอัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 6 โดยสำนักงานดังกล่าวนี้ ไม่ได้รับผิดชอบคดีที่เกิดพื้นที่ สน.ทองหล่อ จำเลยที่ 4 ไม่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นพนักงานอัยการผู้รับชอบสำนวนคดีนี้ และไม่ได้หน้าที่พิเศษ ตามที่ทางราชการมอบหมายในคดีนี้แต่อย่างใด จำเลยที่ 4 จึงไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ที่จะเข้าไปร่วมประชุม เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้แก่พนักงานสอบสวน หรือบุคคลอื่น

นั่นแสดงถึงมูลเหตุจูงใจของ จำเลยที่ 4 ที่จะเข้าไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อโน้มน้าวให้พนักงานสอบสวนคล้อยตามความเห็นของตน โดยเฉพาะถ้อยคำของจำเลยที่ 4 ที่ว่า "อยากให้ขอให้ความเร็ว เป็น 79.22 กม.ต่อชั่วโมง ตามที่อาจารย์สายประสิทธิ คำนวณ" "คือตามกฎหมายห้ามขับเกิน 80 อยากจะขอความกรุณาให้มันอยู่ range ตรงนั้น"

พิพากษาว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 และ มาตรา 200 วรรคหนึ่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ส่วน จำเลยที่ 8 “เนตร นาคสุข” มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 200 วรรคหนึ่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

ให้จำคุกจำ เลยที่ 4 กำหนด 2 ปี จำคุกจำเลยที่ 8 กำหนด 3 ปี และให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 1-3 และ 5-7 แต่ออกให้หมายขังจำเลยที่ 1-3,5-7 ไว้ระหว่างอุทธรณ์

ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ทำความเห็นแย้งคดีนี้ไว้ช่วงท้ายคำพิพากษาด้วยว่า จำเลยที่ 1-3 และ 5-7 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนด้วย ซึ่งความเห็นแย้งนี้จะแนบไปกับสำนวนในชั้นพิจารณาของศาลอุทธรณ์ด้วย

ต้องติดตามกันว่าในชั้นอุทธรณ์ จะรอดไหม
กำลังโหลดความคิดเห็น