ศูนย์ข่าวศรีราชา-เงิบทั้ง กมธ.สิ่งแวดล้อม เชิญตัวแทน อบต.คลองตะเกรา จ.ฉะเชิงเทรา แจงเหตุทุนจีนครอบครองที่ป่าไม้-คทช. และการทำหนังสือยกสิทธิ์ครอบครองซึ่งมี อบต.รับรอง กลับแจ้งหนังสือเป็นโมฆะ หวั่นเข้าทางนายทุนใช้ต่อสู้ในข้อกฎหมาย ชี้หากไม่รีบหยุดยั้งขบวนการดังกล่าวอาจทำไทยเสียพื้นที่ป่าวันละ 800 ไร่
จากกรณีที่ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาติดตามกรณีการซื้อขายที่ดินภทบ.5 บนโลกออนไลน์ และการโอนสิทธิ์ครอบครองที่ป่าสงวนเพื่อเอื้อนายทุนจีนนำไปทำสวนทุเรียนในต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา
และได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา และอบต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ เข้าชี้แจงกรณีทุนจีนครอบครองที่ป่าไม้ และที่ คทช. ในเขต ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา กว่า 600ไร่
โดย นายชีวะภาพ ระบุว่าการยกสิทธิ์ครอบครองที่ดินและสิทธิการชำระภาษี ภบท.5 ในแปลงดังกล่าว เป็นการโอนสิทธิ์ที่ทำกินจากบริษัทฯ ให้บริษัท ไม่สามารถทำได้และยิ่งเป็นเอกสารที่ทางราชการทำขึ้นอาจจะทำให้ถูกมองว่า ส่วนราชการเข้าไปสนับสนุนให้กระทำความผิด
ขณะที่ผู้แทนกระทรวงการคลัง ยังชี้แจงว่าไม่สามารถจัดเก็บภาษีที่ดินจริงได้ เนื่องจากไม่มีการรับรองสิทธิ์ และรูปแบบหนังสือที่ทาง อบต.คลองตะเกรา ทำขึ้นไม่มีในระบบ และไม่ทราบว่านำมาจากรูปแบบที่ใด ซึ่งที่ ประชุมได้รับคำชี้แจงจากผู้แทน อบต.คลองตะเกรา ว่าเอกสารฉบับที่จัดทำขึ้นที่ อบต.คลองตะเกรา และมีเจ้าหน้าที่รัฐเซ็นรับรองเป็นโมฆะ ส่งผลให้ทั้งที่ประชุมฯเกิดอาการเหวอไปตามๆ กันนั้น
ล่าสุด นายชีวะภาพ ได้ออกมาเปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ กมธ.สิ่งแวดล้อม วุฒิสภา มีความกังวลใจต่อสถานการณ์การบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ โดยเฉพาะกรณีการซื้อขายที่ดิน ภทบ.5 บนโลกออนไลน์ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อที่ดิน ภทบ.5 จำนวนกว่า 300 ไร่ ใน จ.เพชรบูรณ์ และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ดินมาประกาศขายในราคาไร่ละ 15,000 บาท
จนกระทั่งทราบว่ามีขบวนการออกเอกสารรับรองการยกสิทธิ์ที่ทำกินและสิทธิ์ครอบครองที่ดินภบท. 5 ให้แก่บริษัทนายทุนอีกหลายพื้นที่โดยมีอดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นผู้เซ็นรับรอง และเอกสารดังกล่าวยังมีตราครุฑและรูปแบบคล้ายกับหนังสือรับรองของทางราชการ จนทำให้นายทุนจีนและชาวบ้านบางส่วนเข้าใจผิดคิดว่าที่ดิน ภบท.5 สามารถซื้อขายกันได้
"รูปแบบหนังสือแบบนี้ไม่รู้ไปเอามาจากไหน หรือเจ้าหน้าที่คิดเองทำเอง หากเป็นแบบนี้ต้องรีบแก้ไขและทำหนังสือเวียนเพื่อแจ้งยกเลิก ไม่เช่นนั้นข้าราชการจะมีความผิด โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)ก็เป็นหน่วยงานของรัฐ มีกฎหมายหลายตัวที่จะต้องรู้ จะบอกว่าไม่รู้ไม่รับทราบไม่ได้ เพราะเอกสารดังกล่าวจะทำให้สังคมเข้าใจผิด "
นอกจากนี้ นายชีวะภาพ ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำงานด้วยความรัดกุมเนื่องจากบริษัทนายทุนผู้ครอบครองอาจจะใช้เอกสารรับรองการยกสิทธิ์ที่ดินจาก อบต.มาใช้ต่อสู้ในข้อกฎหมาย รวมทั้ง อบต. ที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้าให้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อประกอบสำนวนการสืบสวนสอบสอนของตำรวจ
"เรื่องนี้ต้องทำให้ถึงที่สุดและต้องหยุดยั้งทั้งประเทศให้ได้ ไม่เช่นนั้นการซื้อขายที่ดิน ภบท. 5 จะเป็นบ่อเกิดของการรุกป่า หากหยุดยั้งขบวนการเหล่านี้ไม่ได้ จะทำให้เราเสียพื้นที่ป่าไปถึงวันละ 800 ไร่ "นายชีวะภาพ กล่าว