สื่อแฉ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แชร์รายละเอียดแผนโจมตีเยเมนซึ่งเป็นข้อมูลเดียวกับที่บังเอิญหลุดถึงบรรณาธิการข่าวสำนักหนึ่งจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อเดือนที่แล้ว ต่างกันที่ครั้งนี้เป็นการจงใจแชร์ในกลุ่มแชตส่วนตัวที่มีภรรยา น้องชาย และทนายความของนายใหญ่เพนตากอนรวมอยู่ด้วย
แหล่งข่าวที่รับรู้เรื่องนี้ รวมถึงบางคนที่ได้รับข้อความดังกล่าว ยืนยันกับสำนักข่าวเอพีว่า เรื่องที่พูดกันนี้เป็นเรื่องจริง โดยระบุว่า กลุ่มแชตกลุ่มที่สองบนซิกนัล ซึ่งเป็นแอป รับส่งข้อความเชิงพาณิชย์ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการสหรัฐฯให้ใช้ในการสื่อสารข้อมูลอ่อนไหวหรือข้อมูลลับทางการทหารของประเทศนั้น ตั้งขึ้นโดยเฮกเซธเพื่อใช้ในการหารือเกี่ยวกับปัญหาของคณะบริหารในช่วงที่คองเกรสกำลังพิจารณารับรองเขาในตำแหน่งนายใหญ่เพนตากอน และใช้ชื่อกลุ่มว่า “Defense ' Team Huddle”
กลุ่มแชตดังกล่าวมีสมาชิก 13 คน ซึ่งรวมถึงเจนนิเฟอร์ ภรรยาของเฮกเซธ ที่เคยเป็นโปรดิวเซอร์ข่าวของฟ็อกซ์, ฟิล เฮกเซธ น้องชายของเฮกเซธ ที่รับหน้าที่ผู้ประสานงานและที่ปรึกษาอาวุโสของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และทิม พาร์ลาทอรี ทนายความส่วนตัวของเฮกเซธ
รายงานของนิวยอร์กไทมส์ระบุว่า เจนนิเฟอร์และฟิลเคยร่วมเดินทางกับเฮกเซธ รวมถึงเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง อาทิ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เมื่อครั้งเดินทางเยือนเพนตากอนเดือนที่แล้ว
คืนวันอาทิตย์ (20 เม.ย.) แอนนา เคลลี รองโฆษกทำเนียบขาว ออกคำแถลงตอบโต้ว่า รายงานดังกล่าวไร้สาระ และเป็นความพยายามปล่อยข้อมูลเท็จของอดีตเจ้าหน้าที่เพนตากอนที่เคียดแค้น แต่ไม่ว่าสื่อจะพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวไร้สาระเหล่านั้นกี่ครั้งก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีการแชร์ข้อมูลลับได้
ทางด้านฌอน พาร์เนลล์ โฆษกเพนตากอน กล่าวหานิวยอร์กไทมส์เป็นสื่อที่จงเกลียดจงชังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีข้อมูลลับหลุดในแชตบนซิกนัล
อย่างไรก็ดี ข่าวนี้ทำให้เฮกเซธและคณะบริหารของทรัมป์ถูกวิจารณ์รอบใหม่ หลังจากที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงที่พูดคุยเกี่ยวกับแผนโจมตีทางทหารในซิกนัลที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อเดือนที่แล้ว
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา โพสต์บนเอ็กซ์ว่า ยังคงมีรายละเอียดหลุดออกมาเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ได้รู้ว่า เฮกเซธทำให้หลายชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างไร แต่ทรัมป์ยังคงอ่อนแอเกินกว่าจะไล่เฮกเซธออก ก่อนเรียกร้องทิ้งท้ายว่า ต้องปลดเฮกเซธ
ทั้งนี้ แชตแรกที่หลุดเป็นกลุ่มแชตที่ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ตั้งขึ้น โดยสมาชิกในกลุ่มรวมถึงสมาชิกคณะรัฐมนตรี และกลายเป็นข่าวเนื่องจากเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการบริหารดิ แอตแลนติก ถูกเชิญเข้ากลุ่มโดยไม่ตั้งใจ
เนื้อหาในแชตที่ดิ แอตแลนติกเผยแพร่เป็นข้อความที่เฮกเซธลงรายละเอียดระบบอาวุธและกำหนดเวลาในการโจมตีกบฎฮูตีในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ก่อนที่จะมีการลงมือโจมตีจริงเมื่อเดือนที่แล้ว
ก่อนหน้านี้เฮกเซธยืนยันว่า ไม่ได้แชร์ข้อมูลลับหรือแผนการรบในแชตกับโกลด์เบิร์ก
อย่างไรก็ตาม นิวยอร์กไทมส์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า แชตในกลุ่มที่สองมีข้อความเกี่ยวกับตารางบินของเครื่องบินรบที่ใช้ในการโจมตีเช่นเดียวกับในแชตแรก ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่ปัจจุบันและอดีตเจ้าหน้าที่ต่างลงความเห็นว่า รายละเอียดแผนปฏิบัติการโจมตีถือเป็นข้อมูลลับ และการแชร์ข้อมูลดังกล่าวก่อนการโจมตียังทำให้ชีวิตนักบินตกอยู่ในความเสี่ยง
ขณะนี้ รักษาการผู้ตรวจการของกระทรวงกลาโหมกำลังสอบสวนกรณีการใช้ซิกนัลและการแชร์ข้อมูลแผนการรบของเฮกเซธตามคำร้องของโรเจอร์ วิกเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมของวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน และแจ็ค รีด วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต
รีดยังขอให้ผู้ตรวจการสอบสวนแชตที่สองของเฮกเซธด้วย และเสริมว่า รัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ต้องอธิบายทันทีว่า เหตุใดจึงส่งข้อมูลลับที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตทหารอเมริกันบนซิกนัล
ข่าวนี้เกิดขึ้นขณะที่สถานการณ์ในเพนตากอนสับสนอลหม่านมากขึ้น หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว แดน คัลด์เวลล์ ผู้ช่วยเฮกเซธ ลาออก ขณะที่โคลิน แคร์รอลล์ หัวหน้าคณะทำงานของสตีเฟน ไฟน์เบิร์ก รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และดาริน เซลนิก รองหัวหน้าคณะทำงานของเฮกเซธ ถูกนำตัวออกจากเพนตากอนและถูกปลดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (18 เม.ย.)
วันเสาร์ที่ผ่านมา (19 เม.ย.) คัลด์เวลล์โพสต์บนเอ็กซ์ว่า พวกเขาทั้งสามคนยังไม่ได้รับการชี้แจงว่า ถูกสอบสวนเรื่องใด ยังมีการสอบสวนอยู่หรือไม่ และมีการสอบสวนกรณีข้อมูลรั่วไหลจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ในแชตที่หลุดครั้งแรก เฮกเซธระบุว่า คัลด์เวลล์เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนหลักของเพนตากอน
นอกจากนั้น ไม่กี่ชั่วโมงหลังข่าวแชตที่สองหลุด จอห์น อัลย็อต อดีตโฆษกเพนตากอน ที่ลาออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ถูกเพนตากอนแย้งว่า เป็นการขอให้ลาออกนั้น ได้เผยแพร่บทความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ช่วงเวลาหนึ่งเดือนแห่งความอลหม่านขนานแท้ในเพนตากอน”
อัลย็อตระบุว่า การที่ทรัมป์ขึ้นชื่อเรื่องการทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงรับผิดชอบการกระทำของตนเอง ทำให้สงสัยว่า ทำไมเฮกเซธยังอยู่ในตำแหน่งจนถึงตอนนี้
(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์/เอเอฟพี)