ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างกล่าวหากันในวันอาทิตย์ (20 เม.ย.)ว่า อีกฝ่ายหนึ่งละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 30 ชั่วโมงในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ที่ปูตินเป็นผู้ริเริ่มประกาศ และเซเลนสกี้บอกว่าจะปฏิบัติตาม ทั้งนี้มอสโกโวยถูกเคียฟถล่มเป็นพันๆ ระลอก ขณะเคียฟซัดรัสเซียแค่ต้องการสร้างความประทับใจ โดยยังโจมตีฝ่ายตนเหมือนเดิมแค่เบาลงมาเท่านั้น
ในวันเสาร์ (19) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงทางทีวีระหว่างการประชุมกับวาเลรี เก-ราสิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหารรัสเซีย สั่งให้กองกำลังรัสเซียที่กำลังสู้รบกับฝ่ายยูเครน หยุดยิงเป็นเวลา 30 ชั่วโมงนับจากเวลา 18.00 น. วันเสาร์จนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (20) โดยกล่าวว่า เนื่องจากเหตุผลด้านมนุษยธรรม ทั้งนี้ ประชากรส่วนใหญ่ของรัสเซียและยูเครน ต่างเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายออโธด็อกซ์ ถึงแม้ในระยะหลังๆ เซเลนสกี้พยายามลดทอนและปราบปรามอิทธิพลของคริสตจักรออโธด็อกซ์สายรัสเซียในยูเครน และหันไปยอมรับประเพณีชาวคริสต์แบบยุโรปตะวันตก/สหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น
ประมุขทำเนียบเครมลินแสดงความหวังว่า ยูเครนจะเคารพข้อตกลงนี้ แต่ก็กำชับให้ทหารรัสเซียเตรียมพร้อมต้านทานการละเมิดและการยั่วยุจากฝ่ายเคียฟ รวมทั้งสำทับว่า ข้อเสนอหยุดยิงล่าสุดนี้จะเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ความต้องการ และความสามารถของยูเครนในการปฏิบัติตามข้อตกลงและเข้าร่วมกระบวนการเจรจาสันติภาพ
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ กล่าวว่า ยูเครนจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งจะเสนอขยายเวลาเป็น 30 วันที่อาจนำไปสู่สันติภาพ หากรัสเซียปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ทว่า ต่อมาเมื่อเช้าวันวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันอีสเตอร์ ผู้นำยูเครนระบุว่า โดยทั่วไปอาจพูดได้ว่า กองกำลังรัสเซียพยายามสร้างความประทับใจให้กับข้อตกลงหยุดยิง แต่ในบางพื้นที่รัสเซียยังไม่ละทิ้งความพยายามในการบุกและสร้างความเสียหายต่อยูเครน
เซเลนสกี้กล่าวหาว่า ทหารรัสเซียยังคงโจมตียูเครนภายหลังข้อตกลงหยุดยิงของปูตินมีผลบังคับใช้ โดยมีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ 59 ระลอก และการบุกโจมตี 5 ครั้ง โดยอ้างอิงรายงานจาก โอเลคซานดร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน เมื่อเวลา 6.00 น.วันอาทิตย์
ขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนยืนยันว่า กิจกรรมในแนวรบแค่ลดลง และยังคงมีการสู้รบกันตลอด
วันเดียวกันนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ยูเครนละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและโจมตีรัสเซียกว่า 1,000 ระลอกในแคว้นของรัสเซียที่อยู่ติดชายแดนยูเครนอย่าง บรีแยนสก์ คูร์สก์ และเบลโกร็อด โดยเป็รการยิงใส่ที่มั่นของรัสเซีย 444 ครั้ง และโจมตีด้วยโดรนอีกกว่า 900 ครั้ง ส่งผลให้มีพลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนหลายแห่งได้รับความเสียหาย
ก่อนหน้านี้ ความพยายามที่จะให้มีการหยุดยิงระหว่างสองฝ่าย ทั้งในเทศกาลอีสเตอร์เดือนกุมภาพันธ์ 2022 รวมทั้งเทศกาลคริสต์มาสของนิกายออร์โธด็อกซ์ ในเดือนมกราคม 2023 ล้วนแล้วแต่ล้มเหลวหลังจากทั้งสองฝ่ายต่างละเมิดข้อตกลง
สำหรับคำสั่งหยุดยิงของปูตินครั้งนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามมานานนับเดือนในการกล่อมให้มอสโกและเคียฟตกลงพักการสู้รบ
เดือนที่แล้วหลังจากยูเครนยอมรับข้อเสนอหยุดยิง 30 วันของทรัมป์ แต่รัสเซียปฏิเสธโดยระบุว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากการหยุดยิงในขณะนี้ มีแต่เปิดโอกาสให้ยูเครนที่กำลังเพลี่ยงพล้ำอยู่ มีเวลาในการจัดกำลังพลและสะสมอาวุธเครื่องกระสุนเพิ่มเติม และในที่สุดแล้ว สองฝ่ายเพียงตกลงระงับการโจมตีเฉพาะเป้าหมายด้านพลังงานและเป้าหมายทางทะเลเท่านั้น กระนั้นต่างฝ่ายต่างก็ยังโทษกันว่า ละเมิดข้อตกลง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 เม.ย.) วอชิงตันเริ่มหมดความอดทน และทั้งทรัมป์ตลอดจนรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ต่างขู่ว่าสหรัฐฯจะถอนตัวจากการเป็นคนกลางของการเจรจาระหว่างมอสโกกับเคียฟ หากยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
“เร็วเข้า เราต้องการทำให้มันเสร็จสิ้นลงไปเสียที” ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ “เวลานี้ถ้าหากเพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง 1 ในทั้ง 2 ฝ่ายทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องยากมากๆ แล้ว เราก็จะแค่พูดว่า ‘คุณมันไอ้โง่ คุณคนโง่ คุณเป็นคนแย่มาก’ และเราก็จะขอเลิกราไป แต่หวังใจว่าเราจะต้องไม่ทำอย่างนั้น”
การแสดงความเห็นเช่นนี้ของทรัมป์ มีขึ้นภายหลัง รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของเขา แถลงว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้นที่จะแสดงความก้าวหน้า ไม่อย่างนั้นวอชิงตันก็จะไม่เอาด้วยแล้ว
“เราจะไม่เดินหน้าใช้ความพยายามกับเรื่องนี้เป็นอาทิตย์ๆ เป็นเดือนๆ เพื่อให้ยุติหรอก ดังนั้น เราจำเป็นต้องวินิจฉัยตัดสินอย่างเร็วมากๆ ตั้งแต่ตอนนี้ และผมขอบอกว่ามีเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เพื่อดูว่าเรื่องนี้จะทำได้ไหมในเวลา 2-3 อาทิตย์ข้างหน้า” รูบิโอ แถลงเช่นนี้ในกรุงปารีส ระหว่างการพบปะกับพวกผู้นำของยุโรปและยูเครน
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์)