++ "อิ๊งค์" ร้องโอ้ "พีช BM" ลูกชายนายกเบี้ยว โยงพ่อแม้ว-เพื่อไทย "บิ๊กต่าย" สับน่ารังเกียจ ไร้จิตสำนึก จ่อจัดหนัก!
จากหนุ่มขับ "BMป้ายแดง" คลิปดังว่อนโซเชียลฯ "ที่ทราบภายหลังเป็น "พีช-สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์" อายุ 28 ปี ลูกชายของ “นายกเบี้ยว” กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี และ เป็นน้องชายของ“ฟลุ๊ค” มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ก่อวีรกรรมบนถนน ชนรถปิกอัพลุง-ป้า จนได้รับบาดเจ็บ
ส่วนผู้พ่อ "กฤษดา หลีนวรัตน์" อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี บอกว่า โดยปกติลูกชายเป็นคนขับรถดีมาก ซึ่งตนเองก็ไม่ได้กังวลเรื่องอะไร ซึ่งถ้าลูกผิด ก็พร้อมขอโทษจะไม่เข้าข้างลูก
งานนี้กลายเป็นเรื่องที่สังคมติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกับจับตากระบวนการยุติธรรม จะทำงานเต็มที่หรือไม่
เรียกว่า โยงมาถึงพรรคเพื่อไทย เต็มๆ ประกาศให้รู้ทั่วกัน ตระกูลนี้มีเพื่อไทยหนุนหลัง แต่พอเกิดเหตุอื้อฉาว อันธพาลท้องถนน "พีชBM" ขึ้น
"บรู๊ค" ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความใน X (ทวิตเตอร์) รีบตัดสายสัมพันธ์ บอกว่าคนดังกล่าวเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย แต่อย่างใด ขออย่านำเรื่องดังกล่าวมาโยงกับการเมือง หรือ ทักษิณ และ นายกฯแพทองธาร
อุเหม่! จะตัดญาติขาดอีโต้ ไม่ให้โยงซะงั้น
ขณะที่ "อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล พยักหน้าตอบสื่อก่อนจะร้อง โอ้... ว่า "ให้เป็นตามกระบวนการไป ยิ่งเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจด้วย เป็นอิทธิพลไม่ได้หรอก ตอนนี้โลกเราต้องเป็นแบบนี้ไปแล้ว”
ลองทั้งนายกฯ และโฆษกพรรคเพื่อไทย ตัดหางปล่อยวัดแบบนี้ เห็นที "พีช BM" จะลำบาก
ยิ่งฟังจากปากของ "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่ว่าได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลแล้ว เห็นว่าพฤติกรรมของผู้ขับรถ BMW “เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ” และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม เสียใจที่ยังมีคนขับรถแบบนี้บนถนน ถ้ารถคันที่เสียหายมีเด็กเล็กอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น !?
พฤติกรรมเช่นนี้ อยู่ในสังคมยาก ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ เคยฝากประชาชนให้มีสติ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ ต้องดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด!!
ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงผู้กระทำผิดว่า ไม่เพียงแต่ทำผิดกฎหมาย แต่ยังแสดงออกถึงความไร้จิตสำนึก โดยเฉพาะการอวดอ้างความสัมพันธ์กับนักการเมืองชื่อดัง ในพื้นที่ เพื่อหวังให้ตนเองดูมีอิทธิพล ผู้กระทำผิดยังไม่สำนึกผิด ยังแอบอ้างโอ้อวดไปทั่ว แสดงให้เห็นว่าไม่มีวุฒิภาวะ และจิตสำนึกที่ดีเลย
ถ้าเป็นลูกชายผมเอง ทำผิดผมก็ไม่ช่วย ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย ไม่ใช่ทำตัวใหญ่ กร่าง อวดอ้างไปเรื่อย
พร้อมย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นธรรม และเท่าเทียม ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่มีชื่อเสียงหรือมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง
งานนี้ต้องเชียร์ เต็มเหนี่ยวไปเลยครับทั่น! เชื่อว่าสังคมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์
++ “ทักษิณ” สทร. โชว์พาว คุย “อันวาร์-มิน อ่องลาย” แทนนายกฯ
หลังประกาศเลื่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน ทำให้ลดแรงกดดันทางการเมืองลงไปเยอะ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา “นายกฯอิงค์” แพทองธาร ชินวัตร พร้อมสามีและลูก จึงได้ควงปืนฉีดน้ำ เล่นสงกรานต์ ที่เชียงใหม่ กันอย่างสบายอก สบายใจ
ขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็เล่นบท “นายกฯสทร.” รับเหมาให้สัมภาษณ์เรื่องบริหารราชการบ้านเมืองแทน ทั้งเรื่องพรรคร่วมรัฐบาล ที่ระหองระแหง ว่ายังคุยกันได้ ยังเอาอยู่
ส่วนเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐฯ “ทักษิณ” ก็บอกว่า ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับคนที่อยู่รอบตัว “ทรัมป์” หลายคนแล้ว คิดว่าอยู่ในภาวะที่คุยกันได้ ตอนนี้ก็ให้ระดับเจ้าหน้าที่ไปคุยกันก่อน และถ้ามีจังหวะก็จะเดินทางไปคุยกับ“ทรัมป์”เอง
ไปคุยในฐานะอะไรไม่รู้ แต่ขอโชว์พาว ไว้ก่อน!
ยังมีเรื่องที่จะคุยกับ “มิน อ่องลาย” ผู้นำเมียนมา เพิ่มเติมอีก หลังจากได้คุยกันมารอบหนึ่งแล้ว ช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผู้นำเมียนมา มาประชุม BIMSTEC ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ก็อยากเห็นสันติสุขในเมียนมา และได้บอกกับทุกประเทศ ที่เป็นมหาอำนาจไปว่า เราต้องการให้เมียนมา ยุติความขัดแย้ง หากไม่คุยก็จะไม่สามารถเปิดการเจรจาได้ เราไม่ได้จะไปเข้าข้างใคร แต่อยากเปิดเวทีให้มีการพูดคุยกัน อยากให้เมียนมา ถอยทางการเมืองระดับหนึ่ง เช่น พูดคุยกับชนกลุ่มน้อย หรือ ปล่อยผู้ต้องหาทางการเมือง ก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่
เรียกว่าช่วงนี้ “ทักษิณ” เปิดหน้า สู้ไมค์ เล่นบท “นายกฯสทร.” แทนลูกสาวเต็มตัว ไม่มีเคอะเขิน
ล่าสุดเมื่อวานนี้(17เม.ย.)“ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนพร้อมคณะ เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือทวิภาคีกับผู้นำของไทย
ช่วงบ่าย “นายกฯอิงค์” ให้การต้อนรับที่ทำเนียบรัฐบาล และมีการหารือร่วมกัน ใน 3 เรื่อง คือ 1. เรื่องสะพานมิตรภาพไทย-มาเลเซีย ที่อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส 2. เรื่องความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า และ 3. เรื่องที่ “ทรัมป์” ประกาศตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ทางกลุ่มอาเซียนจะสามารถรวมพลังกันอย่างไร ในการหาทางต่อรอง
ว่ากันว่า การพบกันของสองผู้นำนั้น พบกันพอเป็นพิธีเท่านั้น เพราะใช้เวลาไม่นาน แต่เนื้อหารายละเอียดจะอยู่ในการหารือช่วงค่ำ
ทั้งนี้ การเลี้ยงอาหารมื้อค่ำ “รัฐบาลและนายกฯอิงค์” ไม่ได้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งคนที่เป็นเจ้าภาพคือ “นายกฯสทร.” ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน โดยจัดขึ้นที่โรงแรม โรสวูด เพลินจิต ของลูกสาว
ตามรายงานข่าวแบบไม่ได้ปิดลับอะไร บอกว่า “ทักษิณ”จะหารือกับ“อันวาร์ อิบราฮิม” ผู้นำมาเลเซีย และ “มิน อ่องลาย”ผู้นำเมียนมา โดยไม่มี“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.การต่างประเทศ ร่วมวงหารือแต่อย่างใด
ในทางการเมืองนั้นมองกันว่า “ทักษิณ” พยายามที่จะเข้ามามีบทบาท ทั้งกับประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยเอาเรื่อง “สันติสุข” นำหน้า ส่วนวาระซ่อนเร้น คงหนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ ของตนเอง และพวกพ้อง
ขณะเดียวกัน ก็เป็นความจำเป็นที่ “ทักษิณ” ต้องออกหน้า เพราะรู้กันอยู่ว่า ผู้นำประเทศในอาเซียน ไม่ให้การยอมรับ “นายกฯอิ๊งค์”
มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ตั้งแต่ “ทักษิณ” ไปเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ให้นายกฯมาเลเซีย สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสงบมานาน ก็กลับมีเหตุการณ์รุนแรง "บึ้ม" เป็นรายวันอีกครั้ง
เพราะกลุ่มก่อความไม่สงบ พอเห็นหน้า “ทักษิณ” ก็เห็นภาพเหตุการณ์ที่ ตากใบ กรือเซะ นโยบายกำปั้นเหล็ก และวาทกรรม “โจรกระจอก”
ยิ่ง “ทักษิณ” มาคุยเรื่องหาทางให้เกิดสันติสุข เสียง“บึ้ม”ก็ยิ่งถี่
ที่ “นายกฯอิงค์” บอกว่าจะเปลี่ยนสนามรบ ให้เป็นสนามการค้านั้น ดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลความเป็นจริง เพราะตอนนี้ ทั้งโก-ลก หาดใหญ่ การค้า-การท่องเที่ยว ตกต่ำสุดๆ ช่วงสงกรานต์ คนฝั่งมาเลย์ยังไม่ข้ามมาเล่นน้ำเหมือนเช่นทุกปีเลย
นี่เฉพาะในส่วนของชายแดนไทย-มาเลเซีย ยังเป็นอย่างนี้ แล้วสันติสุขในเมียนมาจะเกิดขึ้นได้จริงตามคำคุยหรือ
ยิ่งเรื่องจะเป็นคนกลางในการเจรจาผนึกอาเซียน เพื่อไปต่อรองกับ“ทรัมป์” นั้น เลิกฝันได้เลย !!
