เอเอฟพี – สงครามการค้า อเมริกา-จีน ส่อเค้าลุกลามห้ามไม่อยู่ หลังภาษีศุลกากรระลอกใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธ (9 เม.ย.) ซึ่งทรัมป์สั่งรีดภาษีจีนเพิ่มเบ็ดเสร็จเป็น 104% ด้านจีนตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็น 84%
ผู้นำสหรัฐฯ ยังอวดว่ามีรายได้จากภาษีศุลกากรวันละเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ และมีกว่า 70 ประเทศที่ต้องการเจรจากับอเมริกา ก่อนทิ้งท้ายว่าเร็วๆนี้จะประกาศภาษีศุลกากรขนาดใหญ่กับยานำเข้า
จีนตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็น 84% ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงลงอีก และจะยิ่งเพิ่มความกังวลว่าสงครามการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
กระทรวงการคลังของจีนประกาศในวันพุธว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 84% ตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้เป็นต้นไป เพิ่มขึ้นจาก 34% ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายสิบประเทศไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนพุ่งสูงถึง 104%
การตอบโต้ของจีนส่งผลให้ตลาดหุ้นซึ่งร่วงลงในวันพุธ ยิ่งร่วงหนักลงไปอีก ทั้งในสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปนร่วงลง โดยดัชนี FTSE 100 ของลอนดอนร่วงลง 3.5% ดัชนี Dax ของเยอรมนีร่วงลง 3.8% ดัชนี Cac 40 ของฝรั่งเศสร่วงลง 3.9% และดัชนี Ibex ของสเปนร่วงลง 3.2%
ก่อนที่จะมีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 84% รัฐบาลจีนกล่าวว่าไม่เต็มใจที่จะต่อสู้ในสงครามการค้า แต่จะไม่นั่งเฉย ปล่อยให้สิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของประชาชนจีนได้รับความเสียหายและถูกพรากไป
เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนหนักนับจากภาษีศุลกากรตอบโต้ล็อตแรก 10% ของอเมริกามีผลบังคับใช้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดนับจากเวลา 0.01 น.วันพุธ มาตรการภาษีล็อตใหม่ที่อเมริกาเรียกเก็บจากหลายสิบประเทศในอัตราสูงขึ้นลดเริ่มมีผลบังคับใช้
ตลาดหุ้นบางแห่งของเอเชียดิ่งทันตา เช่น ไต้หวันร่วงไป 5.8% ในช่วงบ่าย, ดัชนีนิกเกอิของตลาดโตเกียวดิ่ง 5%, ดัชนีฮั่งเส็งในตลาดฮ่องกงขยับลง 1.6% แต่ตลาดหุ้นจีนดูเหมือนปรับตัวได้แล้วหลังจากรัฐบาลเข้าแทรกแซง ส่วนราคาน้ำมันตกทำสถิติต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.) โดยเอสแอนด์พี 500 ปิดต่ำกว่าระดับ 5,000 เป็นครั้งแรกในรอบเกือบปี
หลายประเทศต้องเข้าแทรกแซง เช่น ไต้หวันที่ตั้งกองทุนฟื้นเสถียรภาพฉุกเฉินสำหรับตลาดหุ้น เกาหลีใต้ประกาศแพ็คเกจสนับสนุนฉุกเฉิน 2,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่ภาคยานยนต์ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนทางการเงิน การลดภาษี และมาตรการอุดหนุน เนื่องจากคาดว่า ภาษีศุลกากร 25% ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บจากภาคยานยนต์จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมรถของเกาหลีใต้ ส่วนธนาคารกลางนิวซีแลนด์ลดดอกเบี้ยโดยระบุว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าโลกทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจอ่อนแอลง
ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่า นโยบายของตนจะช่วยชุบชีวิตอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศด้วยการบีบให้บริษัทต่างๆ ย้ายฐานการผลิตไปยังอเมริกา ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากตั้งคำถามว่า ถ้าเป็นจริง สถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อใด พร้อมเตือนว่า ภาษีศุลกากรส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้นซึ่งจะดันอัตราเงินเฟ้อพุ่งตามไปด้วย
กระนั้น สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยืนยันว่า ภาษีศุลกากรใหม่ขึ้นถึงระดับสูงสุดแล้ว และเชื่อว่า การเจรจาจะช่วยดึงให้ภาษีลดลงมาได้ ถ้าคู่เจรจายื่นข้อเสนอที่ดี
ทางด้านทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ภาษีศุลกากรอาจเป็นทั้งเครื่องมือที่นำไปสู่การเจรจาหรือเป็นมาตรการถาวร ทรัมป์ยังบอกว่า อเมริกามีรายได้จากภาษีศุลกากรวันละเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ และเสริมว่า เร็วๆ นี้จะประกาศภาษีศุลกากรขนาดใหญ่กับยานำเข้า ซึ่งเป็นการกดดันให้บริษัทยาเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในอเมริกา
ทั้งนี้ คณะบริหารสหรัฐฯ มีนัดหารือกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น สองพันธมิตรและคู่ค้าใกล้ชิดในเอเชีย ขณะที่นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนีของอิตาลี เตรียมเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์หน้า
ทรัมป์เสริมว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจากการเจรจาจะเป็นข้อตกลงที่กำหนดขึ้นเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่ง และบอกว่า มีกว่า 70 ประเทศที่ต้องการเจรจากับอเมริกา
เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แถลงต่อวุฒิสภาว่า ประเทศที่เสนอลดภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าอเมริกามีอาทิ อาร์เจนตินา เวียดนาม และอิสราเอล
เดิมทีนั้นทรัมป์สั่งเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีน 34% แต่หลังจากปักกิ่งประกาศตอบโต้ด้วยการรีดภาษีสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราเดียวกัน ทรัมป์จึงสั่งโขกภาษีจีนเพิ่มอีก 50% รวมภาษีเดิมที่ประกาศในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมจะทำให้สินค้าจีนถูกเรียกเก็บภาษีทั้งสิ้น 104% ซึ่งปักกิ่งวิจารณ์ว่า อเมริกาขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและประกาศจะสู้จนถึงที่สุด
ภาษีศุลกากรติดเทรนด์บนเว็บไซต์เว่ยป๋อของจีนในวันพุธ ผู้ใช้บางคนแชร์ภาพชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกาว่างเปล่าและเยาะเย้ยว่า แค่ปัญหาไข่ขาดแคลนยังแก้ไขไม่ได้ อเมริกาจะมาทำสงครามการค้าเพื่ออะไร
ผู้ใช้หลายคนคุยกันว่า ภาษีของทรัมป์อาจทำให้ไอโฟนแพงขึ้น และมีการชวนกันให้เปลี่ยนไปใช้มือถือจีนอย่างหัวเว่ยหรือเสียวหมี่แทน บล็อกเกอร์ดังของจีนหลายคนยังแนะนำให้รัฐบาลจำกัดการนำเข้าสัตว์ปีกและไข่ของอเมริกาเพื่อตอบโต้สงครามการค้า
ที่อังกฤษ ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง พยายามผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาด โดยแถลงต่อรัฐสภาว่า ได้หารือกับแอนดรูว์ ไบเลย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางแล้ว และไบเลย์ยืนยันว่า ตลาดยังคงดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและระบบธนาคารมีความยืดหยุ่น
รีฟส์เสริมว่า สงครามการค้าไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการ พร้อมยืนยันว่า อังกฤษพยายามเจรจาข้อตกลงใหม่กับอเมริกาอยู่ โดยขณะนี้สินค้าอังกฤษถูกอเมริกาเรียกเก็บภาษี 10% ซึ่งเป็นภาษีพื้นฐานขั้นต่ำที่บังคับใช้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านสหภาพยุโรป (อียู) พยายามผ่อนคลายสถานการณ์เช่นเดียวกัน โดยอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เตือนเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าที่เลวร้ายลงระหว่างหารือกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีน และย้ำเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก รวมถึงความจำเป็นในการป้องกันไม่ให้สถานการณ์แย่ลง ส่วนประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เรียกร้องให้ทรัมป์ทบทวน และสำทับว่า ถ้าถูกบีบ อียูพร้อมตอบโต้