รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – จีนสับมาตรการภาษีของอเมริกาว่าไม่ต่างอะไรกับการ “แบล็กเมล” พร้อมยืนยันจะสู้จนถึงที่สุด หลังทรัมป์ขู่โขกภาษีเพิ่มอีก 50% รวมเป็นกว่า 100% ถ้าปักกิ่งไม่ยกเลิกมาตรการตอบโต้ ขณะที่ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้เลือกใช้ไม้นวม ส่งทีมเจรจาไปวอชิงตันหวังให้ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการภาษี
กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในวันอังคาร (8 เม.ย.) ว่า การข่มขู่ของอเมริกาเป็นการทำผิดพลาดซ้ำซ้อนและตอกย้ำนิสัยชอบขู่เข็ญ และสำทับว่า ถ้าวอชิงตันยังยืนกรานทำตามคำขู่ จีนจะสู้จนถึงที่สุด และถ้าอเมริกาขึ้นภาษีศุลกากรอีก จีนก็จะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของประเทศ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันจันทร์ (7 เม.ย.) ทรัมป์ประกาศรีดภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 50% จากสินค้านำเข้าของจีนซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธ (9 เม.ย.) ถ้าปักกิ่งไม่ยกเลิกภาษีตอบโต้ 34% ต่อสินค้าอเมริกาที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการตอบโต้ภาษีของทรัมป์ในอัตราเดียวกันที่เรียกเก็บจากสินค้าจีน เพิ่มเติมจากที่เรียกเก็บไปแล้วรวม 20% ก่อนหน้านี้
หากไม่มีใครยอมใครและทรัมป์ทำตามที่ขู่ สินค้าจีนที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในปีนี้จะถูกรีดภาษีรวมทั้งสิ้น 104% ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ต่างพากันตั้งคำถามว่า ทำเนียบขาวจะได้อะไรจากคำขู่ล่าสุดของทรัมป์
ซู เทียนเฉิน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของอิโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ชี้ว่า เนื่องจากตอนนี้จีนถูกรีดภาษีเกิน 60% อยู่แล้ว ดังนั้น หากจะถูกเรียกเก็บเพิ่มอีก 50 หรือ 500% ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ขณะเดียวกัน สิ่งที่จีนสามารถทำได้คือเลิกซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ในอัตราเดียวกับอเมริกา และเพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกธาตุเคมีชนิดต่างๆ ในตารางธาตุ
สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ทำให้เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนรุนแรงด้วยการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ที่กระตุ้นความกังวลว่า จะทำให้หลายประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย และยังทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์แม้แต่ในพรรครีพับลิกันของทรัมป์เอง
ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร ธนาคารกลางจีนยังประกาศว่า จะสนับสนุนให้เซ็นทรัล ฮุ่ยจิน อินเวสต์เมนต์ ซึ่งเป็นกองทุนการลงทุนของรัฐบาล เข้ารักษาเสถียรภาพตลาดด้วยการเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่ตลาดหุ้นตกทั่วเอเชียจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าของวอชิงตัน โดยในส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตนั้นปรับตัวลดลง 0.07% หรือ 2.31 จุด อยู่ที่ 3,094.26 ในช่วงเปิดการซื้อขายวันอังคาร
อย่างไรก็ดี ขณะที่จีนปักหลักต่อสู้กับอเมริกาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ญี่ปุ่นกลับพยายามติดต่อขอเจรจากับวอชิงตัน โดยทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียลของตนเองว่า ประเทศต่างๆ ทั่วโลกอยากคุยกับสหรัฐฯ และตอนนี้กำลังมีการสร้างหลักเกณฑ์ที่ยากเย็นแต่เป็นธรรม
ทางด้านนายกรัฐมนตรี ชิเกรุ อิชิบะ เผยว่า ได้หารือทางโทรศัพท์และขอให้ทรัมป์ทบทวนนโยบายภาษีศุลกากร นอกจากนั้นยังเตรียมส่งคณะเจรจาไปยังสหรัฐฯ ขณะที่ทรัมป์สั่งการให้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง และเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ รับผิดชอบการเจรจาการค้ากับญี่ปุ่น
การเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าถึง 25% และภาษีศุลกากรตอบโต้ 24% จากสินค้าอื่นๆ ของญี่ปุ่นคาดว่า จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยที่ต้องพึ่งการส่งออกอย่างมาก และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวถึง 0.8%
หนังสือพิมพ์นิกเกอิยังรายงานว่า เมื่อค่ำวันอาทิตย์อิชิบะได้เรียกรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่รวมถึงคัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลัง เข้าพบและสั่งการให้เฝ้าระวังเพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวในตลาด
ที่โซล จองอิน-คโย รัฐมนตรีการค้าเกาหลีใต้แถลงในวันอังคารก่อนออกเดินทางไปวอชิงตันว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาชุดมาตรการเพื่อเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากอเมริกา ซึ่งอาจเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เนื่องจากคงยากที่จะลดการส่งออกได้ ก่อนสำทับว่า ข่าวดีก็คือทรัมป์บอกว่า พร้อมเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรกับประเทศต่างๆ ยกเว้นจีน
เกาหลีใต้ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 25% และ 46% สำหรับเวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัทเกาหลีใต้อย่างซัมซุง และแอลจี
ชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลัง เสริมว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์ส่งผลกระทบรุนแรงมากต่อผู้ส่งออกเกาหลีใต้และฐานการผลิตในเวียดนามรวมถึงประเทศอื่นๆ