ยูเครนควรยอมรับข้อเสนอสละดินแดนให้รัสเซียและเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ลาออกจากตำแหน่ง หากต้องการอยู่รอดในฐานะประเทศ จากความเห็นของ วิคตอเรีย สปาร์ทซ์ สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯที่เกิดในยูเครน ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากอินดีแอนา ให้สัมภาษณ์กับเทเลกราฟ ฉบับเผยแพร่ในวันจันทร์(7มี.ค.) ว่าปัจจุบันเคียฟไม่อาจร้องเรียนใดๆ ในนั้นรวมถึงการทวงคืนการควบคุมเหนือดินแดนต่างๆที่กล่าวอ้าง "ฉันไม่เห็นทางเลยว่า พวกเขาจะสามารถอยู่ในจุดที่เรียกร้องรักษาดินแดน ถ้าพวกเขากำลังเป็นฝ่ายชนะสงคราม มันคงต่างไปจากนี้มาก" เธอกล่าวอ้างถึงสถานการณ์ในสมรภูมิรบ ซึ่งตกอยู่ในเงื้อมมือของรัสเซียมานานแล้ว
ส.ส.จากรีพับลิกันรายนี้ เคยเป็นผู้สนับสนุนตัวยงสำหรับมอบความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครน แต่เวลานี้เธอหันมาสนับสนุนความพยายามสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
"ประธานาธิบดีทรัมป์รับช่วงเวลา ดังนั้นเวลานี้เขาจึงเป็นผู้จัดการมัน" เธอบอกกับเทเลกราฟ พร้อมเน้นย้ำว่า "การหาทางออกต่างๆไม่ใช่เรื่องง่าย" และปักหมุดกล่าวโทษความปราชัยของเคียฟไปยัง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนก่อน
"อย่างที่ฉันเคยพูดเมื่อ 2 ปีก่อน สิ่งที่ดีที่สุดคือเอาชนะสงครามเร็วที่สุดที่คุณสามารถทำได้ ตราบใดที่มันลากยาว มันมักเป็นจุดจบไม่สวยนักสำหรับโลกประชาธิปไตยทั้งหลาย" เธอกล่าว อ้างถึงคำมั่นสัญญาของไบเดน ในการให้การสนับสนุนเคียฟด้วยอาวุธและในรูปแบบอื่นๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สปาร์ทซ์ ยังมองประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดต่ออนาคตของประเทศ และเรียกร้องให้ชาวยูเครนโหวตเขี่ยเขาพ้นจากอำนาจ หากเขาลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย "พวกเขาจะมีการเลือกตั้ง และจากนั้นถ้าพวกเขาเลือกเขาอีก พวกเขาจะสูญเสียดินแดนทั้งหมดของประเทศ"
เซเลนสกี ยังคงอยู่ในอำนาจ แม้ว่าวาระการดำรงตำแหน่งของเขาหมดลงไปอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน เขายืนกรานความปรารถนาเข้าเป็นสมาชิกนาโต แม้มีเสียงคัดค้านจากวอชิงตัน ในขณะที่ รัสเซีย อ้างอิงความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโตของเคียฟ เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆในการเปิดปฏิบัติการทางทหารบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และระบุความเป็นกลางของเคียฟ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขล่วงหน้า สำหรับการเจรจาคลี่คลายความขัดแย้งใดๆ
ทั้งนี้ สปาร์ทซ์ เคยวิพากษ์วิจารณ์เซเลนสกีมาก่อน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เธอกล่าวหาเขาล้มเหลวในการจัดการกับคอรัปชันและปัญหาอื่นๆ และตามหลังการพบปะที่กลายเป็นศึกพิพาทระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี ที่ทำเนียบขาว เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เธอบอกว่าผู้นำยูเครน ก่อความเสียหายแก่ประชาชนชาวยูเครน ด้วยการดูหมิ่นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สปาร์ทซ์ สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน ในปี 1978 ก่อนโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในสหรัฐฯ ปี 2000 และได้สิทธิความเป็นพลเมืองอเมริกาในอีก 6 ปีต่อมา ทั้งนี้เธอดำรงตำแหน่งในสภาคองเกรสมาตั้งแต่ปี 2021
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)