ประณามเร่งดัน 'กาสิโน' ไม่สนใจปากท้องชาวบ้าน แนะใช้สภาหาทางรับมือสหรัฐ
หลายประเทศเริ่มขยับตัวรับมือกับมาตรการทางภาษีจากสหรัฐอเมริกากันแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยยังคงเดินหน้าแบบถอยหลังสามเดินหน้าหนึ่งก้าว เพราะยังมัวสาละวนอยู่กับการตั้งคณะกรรมการและยังไม่เห็นแอ๊คชั่นมากนัก แม้ว่าจะเป็นช่วงวันหยุดยาว 3 วันก็ตาม ผิดกับความขึงขังของรัฐบาลในการเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งกำลังจะเข้าสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 เมษายน นี้ ถึงขั้นที่มีรายงานว่านี่จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของทักษิณ ชินวัตร หากพรรคร่วมรัฐบาลไหนไม่เห็นด้วยจะถูกพ้นจากทำเนียบรัฐบาลทันที
ขณะที่ อีกด้านหนึ่งเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ใช้เวทีสภาในช่วงสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม หารือเรื่องนี้อย่างเป็นทางการแทนการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ว่า รัฐบาลมีการดำเนินการที่ช้าและยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ในขณะที่นายกฯ มาเลเซียที่แสดงบทบาทประธานอาเซียน 2568 เพื่อใช้กรอบการเจรจาภูมิภาคอาเซียน ในการเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับกลุ่มอาเซียน แต่ก็ยังไม่เห็นบทบาทไทยทั้งที่เป็นประเทศสำคัญในอาเซียน
"ไม่ควรให้นายทักษิณ ซึ่งเป็นบิดาของนายกฯ ไปเจรจาแทน เพราะหากนายทักษิณเป็นม้าเร็วเจรจาเองจริง ก็จะยิ่งเกิดผลกระทบต่อนายกฯ ที่จะขาดความน่าเชื่อถือมากขึ้น" ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ วานิช คณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความว่า นายกฯ อันวาร์ของมาเลเซีย แสดงบทบาทประธานอาเซียนได้อย่างชาญฉลาด และเหมาะกับสถานการณ์ ภายใน 24 ชั่วโมงหลังทรัมป์ประกาศนโยบายภาษี นายกฯ อันวาร์ก็ริเริ่มยุทธศาสตร์รวมตัวกันในอาเซียนเพื่อต่อรองกับทรัมป์ ซึ่งเป็นวิธีที่เชื่อว่าจะทำให้เจรจาได้อย่างมีน้ำหนักกว่าการเจรจาแยกประเทศ ว่าแต่รัฐบาลไทย ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ สถานการณ์ทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่องการรับมือภาษีทรัมป์ แต่ดูเหมือนราชการไทยจะหยุดยาว"
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) แนะนำให้รัฐบาลแสวงหาความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียน ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของนายทรัมป์เช่นกัน โดยใช้เวทีอาเซียนในการหารือเร่งด่วนกับมิตรประเทศ เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการเสนอข้อต่อรองไปยังสหรัฐอเมริกา โดยใช้พลังของอาเซียนและขอเสนอให้รัฐบาลได้ใช้รัฐสภาเป็นเวทีระดมความคิดเห็น ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการประชุมสภา รัฐบาลต้องทบทวนการทำงาน ลำดับความสำคัญว่า อะไรคือปัญหาเร่งด่วน ซึ่งกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ถ้าเทียบกับเรื่องความเสียหายจากการขึ้นภาษีของทรัมป์