ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุในวันพุธ(2เม.ย.) แถลงจะรีดภาษีพื้นฐาน 10% กับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ และเรียกเก็บภาษีสูงกว่านั้นกับประเทศอื่นๆอีกหลายสิบชาติ ในนั้นรวมถึงบรรดาคู่หูทางการค้าหลักของอเมริกาบางส่วน ยกระดับสงครามการค้าที่เขาเริ่มขึ้นตั้งแต่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว
มาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุมครั้งนี้จะเป็นการตั้งกำแพงใหม่รอบๆเศรษฐกิจผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ กลับลำจากนโยบายเปิดเสรีทางการค้าที่ยึดถือมานานหลายทศวรรษและเป็นตัววางทรวดทรงระเบียบโลก ในขณะที่คาดหมายว่าบรรดาคู่หูการค้าของอเมริกา จะมีมาตรการตอบโต้ของตนเอง ที่อาจทำให้ราคาข้าวของแพงขึ้นอย่างน่าตกตะลึง ไล่ตั้งแต่จักรยานไปจนถึงไวน์
"นี่คือการประกาศเอกราชของเรา" ทรัมป์ กล่าว ณ กิจกรรมหนึ่ง ณ สวนกุหลาบของทำเนียบขาว
อ้างอิงคำแถลงของทรัมป์ สินค้านำเข้าจากจีนจะถูกรีดภาษี 34% เพิ่มเติมจากระดับ 20% ที่เขาเคยกำหนดเล่นงานประเทศแห่งนี้ ส่วนบรรดาพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯก็ไม่รอด ในนั้นรวมถึงสหภาพยุโรป ที่เจอกับการรีดภาษี 20%
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าบทลงโทษที่สูงขึ้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน และจะครอบคลุมทั้งหมดราวๆ 60 ประเทศ แต่มาตรการรีดภาษีพื้นฐาน 10% จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์(5เม.ย.)
ทรัมป์ บอกว่ามาตรการภาษีตอบโต้นี้ เป็นการตอบโต้การเก็บภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอื่นๆ ที่ชาติอื่นกำหนดเล่นงานสินค้าอเมริกา "ในหลายกรณี เพื่อนนั้นแย่กว่าศัตรูเสียอีก ในแง่ของการค้า"
อย่างไรก็ตามแคนาดาและเม็กซิโก ชาติคู่หูการค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งถูกรีดภาษี 25% ไปแล้วกับสินค้าหลายประเภท จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากถ้อยแถลงในวันพุธ(2เม.ย.) ขณะเดียวกันมาตรการรีดภาษีตอบโต้ ยังไม่บังคับใช้กับสินค้าบางรายการ ในนั้นรวมถึงทองแดง, ยา, เซมิคอนดัคเตอร์, ไม้แปรรูป, ทองคำ, พลังงานและแร่บางชนิดที่หาไม่ได้ในสหรัฐฯ อ้างอิงเอกสารของทำเนียบขาว
อย่างไรก็ตามพวกเจ้าหน้าที่บ่งชี้ว่า ทรัมป์ กำลังวางแผนสำหรับกำหนดมาตรการรีดภาษีอื่นๆ ที่เล็งเป้าเล่นงานเซมิคอนดัคเตอร์ ยา และเป็นไปได้ว่าอาจรวมถึงแร่สำคัญๆ เช่นกัน
หลังจากคำแถลง ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งปิดช่องโหว่ทางการค้า ยกเลิกกฎ de minimis ซึ่งเป็นกฏที่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการนำเข้าสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งในปัจจุบันสหรัฐฯ อนุญาตให้สินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าหากสั่งสินค้าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ต่อวัน คำสั่งนี้ครอบคลุมสินค้าจากจีนและฮ่องกง และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน
คำแถลงรีดภาษีของทรัมป์ ได้ก่อแรงสั่นสะเทือนแก่ตลาดการเงินและภาคธุรกิจทั้งหลายที่พึ่งพิงข้อตลงการค้าต่างๆนานา ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน รัฐบาลเผยว่ามาตรการรีดภาษีแยกกัน ที่กำหนดเล่นงานยานยนต์นำเข้า ซึ่งทรัมป์แถลงไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จะมีผลบังคับใช้เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี(3เม.ย.) เป็นต้นไป
เมื่อเร็วๆนี้ ทรัมป์ ได้กำหนดรีดภาษี 20% สินค้านำเข้าทุกชนิดจากจีนไปก่อนหน้าแล้ว และ 25% สำหรับเหล็กและอลูมีเนียมนำเข้า คณะที่ปรึกษาของเขาบอกว่ามาตรการรีดภาษีจะนำพาศักยภาพการผลิตที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ หวนคืนสู่อเมริกา
อย่างไรก็ตามพวกนักเศรษฐศาสตร์ภายนอกเตือนว่ามาตรการรีดภาษีจะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เพิ่มความเสี่ยงภาวะถดถอย และทำให้ค่าครองชีพโดยเฉลี่ยของครอบครัวสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ภาคธุรกิจก็คร่ำครวญว่ามาตรการรีดภาษีของทรัมป์ ก่อความยุ่งยากแก่แผนปฏิบัติการของพวกเขา
อนึ่งในรายงานของรอยเตอร์ไม่ได้พาดพิงเกี่ยวกับมาตรการรีดภาษีที่ทรัมป์กำหนดเล่นงานไทย แต่จากภาพข่าวที่ทรัมป์ชูบอร์ดแสดงตารางการรีดภาษี เผยให้เห็นว่า ไทย โดนรีดภาษี 36% สูงในลำดับต้นๆเลยทีเดียว เป็นรองไม่กี่ชาติ ในนั้นรวมถึง เวียดนาม 46%, และ กัมพูชา 49 %
(ที่มา:รอยเตอร์)