สื่อต่างประเทศรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ซึ่งเป็นตึกเพียงแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่พังถล่มลงมาตามแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว กำลังโหมกระพือความเดือดดาลบนสื่อสังคมออนไลน์และก่อคำถามในสื่อมวลชนไทย เกี่ยวกับคุณภาพการก่อสร้างและกระบวนการที่ได้มาซึ่งสัญญาว่าจ้างต่างๆจากรัฐบาล อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ บริษัทผู้รับเหมาจีน ยังคงปิดปากเงียบไม่ออกมาชี้แจงใดๆ
รายงานของสเตรทไทม์ส ระบุว่าสถานที่แห่งนี้ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย จากจำนวนผู้เสียชีวิต 19 รายทั่วประเทศไทย ในเหตุแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่าเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ เวลานี้ทีมตอบสนองสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาและกู้กัย ในความพยายามค้นหาคนงานอีก 75 คนที่ยังสูญหาย
สเตรทไทม์ส รายงานว่าโครงการนี้ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กับ ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) ในขณะที่ อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ได้ชื่อนี้มาจากการมีอิตาลีเป็นผู้ก่อตั้งร่วม ครั้งที่จัดตั้งบริษัทในปี 1958 และช่วยพัฒนาสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เช่นเดียวกับโครงการชื่อดังอื่นๆ
สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุว่าความโกรธเคืองของประชาชนเกี่ยวกับเหตุตึกพังถล่มไปตกอยู่ที่ ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ไชน่า เรลเวย์ เอ็นจิเนียริง คอร์ปอเรชัน (CREC) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านการก่อสร้างของรัฐบาลจีน
ทั้งนี้ ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ถือหุ้น 49% ในกิจการร่วมค้า อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์-ไชน่า เรลเวย์ เอ็นจิเนียริง คอร์ปอเรชัน นับเป็นสัดส่วนสูงสุดที่อนุญาตให้ธุรกิจต่างชาติถือครองภายใต้กฎหมายของไทย
รายงานข่าวของสเตรทไทม์ส ระบุว่าประชาชนล็อคเป้าไปที่กระแสการลงทุนจากจีนที่ไหลบ่าเข้ามายังไทย และโครงการสำคัญต่างๆนานาของรัฐบาลที่มอบสัญญาแก่บรรดาบริษัทจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในรัฐบาลชุดก่อนที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ซึ่งยึดอำนาจในการทำรัฐประหารปี 2014 และเป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงปี 2023
สเตรทไทม์ส รายงานอ้างอิงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย ระบุว่าจีนคือแหล่งที่มาใหญ่ที่สุด ของการลงทุนต่างชาติโดยตรงในไทย โดยมีโครงการใหญ่ๆมากมาย ในนั้นรวมถึงนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน ในระยอง และการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูง ซึ่งกำลังก่อสร้างในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง Belt and Road Initiative (BRI)
ในวันอาทิตย์(30มี.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ออกคำส่งให้จัดตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ สำหรับสืบสวนสาเหตุของอาคารถล่ม และตัวเธอเองก็ตั้งคำถามว่าทำไมตึกแห่งนี้ถึงเป็นอาคารแห่งเดียวที่มีปัญหา และรับประกันกับประชาชนว่าประเด็นนี้จะไม่ถูกเพิกเฉย ตามรายงานของสเตรทไทม์ส
ทีมสืบสวนจากกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รวบรวมหลักฐานวัสดุก่อสร้างจากจุดเกิดเหตุ และมุ่งเน้นไปที่คุณภาพเหล็กเส้นที่ใช้เสริมความเข้มแข็งของคอนกรีตและโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ผู้นำปฏิบัติการกู้ภัยของรัฐบาล บอกว่าจะทำการสืบสวนกับทั้งบริษัทไทยและบริษัทจีน และจะต้องมีผู้รับผิดชอบ
ขณะเดียวกันตำรวจเปิดเผยในวันอาทิตย์(30มี.ค.) ได้ควบคุมตัวชายสัญชาติจีน 4 คน ที่ว่ากันว่าพยายามเคลื่อนย้ายเอกสาร 32 ฉบับ ไปจากบริเวณด้านหลังของที่ตั้งอาคารที่พังถล่ม โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งที่กำหนดไว้สำหรับเขตพื้นที่ประสบภัย
อย่างไรก็ตามในส่วนของ อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และ ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป บริษัทแม่ของ ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ยังไม่ออกมาตอบกลับสำนักข่าวสเตรทไทม์สที่สอบถามความคิดเห็นไป โดยทาง อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เพียงแค่ส่งหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กับครอบครัวผู้สูญเสียจากเหตุตึกถล่ม และผู้ที่สูญเสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์น่าเศร้า"
"บริษัทได้ดำเนินการจัดทีมวิศวกร เครื่องจักรกลต่างๆ ร่วมสนับสนุนกับหน่วยงานราชการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนกับทุกภาคส่วน จะดำเนินการแก้ไขในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และจะเร่งให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการชดเชยเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต และการรักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บต่อไป" ถ้อยแถลงระบุ
สเตรทไทม์ส อ้างความเห็นของนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวชาวไทย ระบุว่าด้วยที่มีบริษัทที่รัฐเป็นเจ้าของเข้ามาเกี่ยวข้อง รัฐบาลจีนควรเสนอสืบสวนในทันที เช่นดียวกับร่วมมือในการสืบสวนของรัฐบาลไทย "พวกเขาไม่ควรทำเหมือนกับว่า มันไม่เกี่ยวข้องใดๆกับรัฐบาลจีนเลย ซึ่งมันจะทำให้คนไทยรู้สึกผิดหวังและก่อไฟย้อนศรกับจีน" เขาเขียนบนเฟซบุ๊กในวันที่ 30 มีนาคม
(ที่มา:สเตรทไทม์ส)