ตลาดหลักทรัพย์ฯ แถลงฟื้นเชื่อมั่นหลังแผ่นดินไหว ยันเศรษฐกิจไทยพร้อมทุกภาคส่วน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวฟื้นความเชื่อมั่นหลังแผ่นดินไหว สภาวิศวกรยืนยันอาคารส่วนใหญ่กลับเข้าอยู่ได้ ออกแบบตามมาตรฐาน ส่วนภาคอุตสาหกรรมเดินเครื่องปกติ ภาคการเงินไม่กระทบ คปภ.ยัน 4 บริษัทประกันภัยตึกถล่มยังแข็งแกร่ง ก.ล.ต. ยังกำกับดูแล วอนนักลงทุนวิเคราะห์-ดูข้อมูลให้รอบคอบ


วันนี้ (31 มี.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สภาวิศวกร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกแถลงการณ์ร่วมภาคเศรษฐกิจจริงและระบบทางการเงินจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบไปถึงกรุงเทพมหานครและอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กรมโยธาธิการและผังเมือง ที่รับผิดชอบอาคารสาธารณะ และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ตรวจสอบโดยจำแนกเป็นสีแสดงถึงระดับความปลอดภัย เช่น สีเขียวที่ปลอดภัย สีเหลืองที่ต้องซ่อมแซม และสีแดงที่ไม่ปลอดภัย กทม. ได้ตั้งทีมขึ้นมาโดยนำวิศวกรอาสาจากสภาวิศวกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยเข้าไปช่วย มีคนร้องขอประมาณ 13,000 ราย ตรวจสอบแล้วประมาณ 10,000 ราย ปรากฎว่าพบอาคารสีแดง 2 แห่ง ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นสีเขียว สามารถกลับเข้าไปอยู่ได้ ส่วนโรงพยาบาลมีอาคารบางหลังเป็นสีเหลือง ซึ่งจะประชุมวันนี้

ทั้งนี้ อาคารส่วนใหญ่ที่โยกตัว ถือเป็นปกติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว อาคารที่ออกแบบในปัจจุบันเป็นไปตามกฎหมายที่ออกมาเมื่อปี 2540 และพัฒนามาถึงปี 2564 ครอบคลุมหลายจังหวัด ออกแบบให้เป็นอาคารที่มีความเหนียว (Elastic) ปกติจะเกิดรอยแตกร้าวระหว่างพื้นเข้าสู่คาน เข้าสู่เสา ถ้าข้อต่อร้าวแสดงว่าอันตราย แต่จากการสังเกตส่วนใหญ่ผนังแตก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ขอให้พื้นและคานไม่ร้าว แสดงว่าโครงสร้างยังแข็งแรง ที่ผ่านมาผ่านการทดสอบครั้งใหญ่ในเรื่องการออกแบบตามมาตรฐานของกฎกระทรวง ถ้าวิศวกรไปตรวจแล้วไม่พบจุดที่เป็นอันตราย ให้เข้าไปได้และสามารถซ่อมแซมตามปกติ

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคการผลิตหลายโรงงานมีระบบความปลอดภัย เมื่อมีการสั่นไหวถึงระดับหนึ่ง เครื่องจักรจะหยุดการทำงาน แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็กลับสู่สภาพปกติ ถ้าเป็นโรงงานขนาดใหญ่หรือขนาดกลาง จะมีวิศวกรประจำโรงงานเข้าไปตรวจสอบทั้งระบบ อีกไม่นานสามารถผลิตต่อได้ หลายโรงงานในวันเกิดเหตุหลังเวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นกะกลางคืนมีการทำงานตามปกติ แต่ก็มีหลายโรงงานขอตรวจสอบก่อน แล้ววันเสาร์ (29 มี.ค.) ก็กลับมาทำงานตามปกติ ส่วนโรงงานขนาดเล็ก จากการที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสอบถาม พบว่าไม่มีปัญหา

สิ่งที่กังวลในช่วงแรกคือระบบส่งแก๊สใต้ดิน ปรากฎว่าเมื่อโรงงานตรวจความดันแล้วอยู่ในสภาวะปกติ เครื่องจักรเดินเครื่องตั้งแต่วันเสาร์ ส่วนการขนส่งวัตถุดิบตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหา บางแห่งมีการปิดถนน อาจเสียเวลาเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อย ส่วนการส่งออกก็ยังไม่มีปัญหา ยืนยันว่าเกือบทุกโรงงานกลับเข้ามาทำงานตามปกติ และการส่งออกเป็นไปตามกำหนดเหมือนเดิม ครั้งนี้เป็นการทดสอบความมั่นคงทุกด้านของประเทศไทย จะเห็นว่าฟื้นตัวได้เร็ว เป็นบทเรียนให้คิดว่าโอกาสในการเกิดแผ่นดินไหวนั้นมี เพราะฉะนั้นภาคอุตสาหกรรมต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น

ส่วนการค้าชายแดนยังเป็นไปตามปกติ และมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ประเทศเมียนมามีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าซ่อมแซม อุปกรณ์ก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ เพื่อซ่อมแซมบ้านเรือน

ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ระบบการชำระเงิน โครงสร้างพื้นฐาน และการให้บริการประชาชน หลังเกิดเหตุพบว่าเรียบร้อยดี จะติดขัดก็เป็นเรื่องกายภาพ บางธนาคารเข้าไปทำธุรกรรมไม่สะดวก ธปท. ได้ยืดหยุ่นโดยยืดเวลาการชำระหนี้ (Settlement) อีกส่วนหนึ่งคือธนาคารพาณิชย์ ทั้งระบบ BAHTNET ระบบพร้อมเพย์ โมบายแบงกิ้ง อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง ผ่านทุกระบบ แม้บางสาขาของธนาคารจะเข้าไปไม่ได้ก็เป็นเรื่องกายภาพ แต่ระบบยังทำงาน ประชาชนยังใช้บริการผ่านมือถือได้ พอวันเสาร์ก็กลับมาทำงานเป็นปกติ ในวันนี้มีน้อยสาขาที่รอการตรวจสอบตัวอาคารเท่านั้น

ส่วนการเบิกจ่ายของภาครัฐเป็นไปตามปกติ จากธุรกรรมเคลื่อนไหวบัญชีเงินคงคลังของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่มีอะไรที่ผิดสังเกต ส่วนเสถียรภาพทางการเงินต้องรอดูอีกครั้ง แต่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งระบบไม่ได้รับผลกระทบมาก แตกต่างจากช่วงโควิด-19 ที่กระทบในวงกว้างและยาวนาน แต่แผ่นดินครั้งนี้กระทบระยะสั้น ถึงกระนั้นบางรายต้องซ่อมแซม ซึ่ง ธปท. ได้กำชับธนาคารพาณิชย์ว่า หากเกิดภัยพิบัติสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้ เช่น ลดอัตราการชำระเงินขั้นต่ำของบัตรเครดิต การให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มกรณีฉุกเฉิน และการปรับโครงสร้างหนี้ต่างๆ ซึ่งจากการหารือได้ข้อสรุปว่า แผ่นดินไหวถือว่าอยู่ในเกณฑ์นี้

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า คปภ.ได้ตรวจสอบระบบจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และได้แจ้งบริษัทประกันภัยทุกแห่งทราบว่าให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์หากมีการเรียกค่าสินไหมทดแทนเข้ามา ต้องมีการสำรวจและจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วที่สุด กระทั่งได้รับแจ้งทุกบริษัทว่ามีการเตรียมความพร้อมแล้ว โดยได้ออกประกาศแนวทางการเคลมสำหรับประชาชน เช่น การถ่ายรูป การติดต่อนิติบุคคล เพื่อให้การเคลมเป็นไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว หากมีเรื่องสงสัยหรือร้องเรียนประการใดสามารถแจ้งได้ที่สำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ

ส่วนสถานภาพทางการเงินของบริษัทประกันภัย อาคารแห่งหนึ่งที่ถล่มลงมา มีทุนประกัน 2,136 ล้านบาท มีการประกันภัยโดย 4 บริษัท และมีการประกันต่อไปยังต่างประเทศทั้งสิ้น โดยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามงวดงานที่เกิดขึ้นจริง คปภ. ยืนยันว่าไม่กระทบฐานะทางการเงินของทั้ง 4 บริษัทแต่อย่างใด ส่วนภาพรวมธุรกิจประกันภัยมีอัตราส่วนเงินกองทุนที่ดำรงตามกฎหมาย ซึ่งมีเกือบ 3 เท่าตามที่กฎหมายกำหนด จึงยังมีความแข็งแกร่งและมีสภาพคล่องเพียงพอ พร้อมกันนี้ได้ขอให้บริษัทก่อสร้างส่งรายชื่อผู้สูญหาย พร้อมเป็นตัวกลางติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อเตรียมพร้อมจ่ายค่าสินไหมทดแทนและค่ารักษาพยาบาล

ศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ตลาดทุนได้ผ่านวิกฤตมามาก ทั้งทางเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ เหตุการณ์แผ่นดินไหวพิสูจน์ได้ว่าระบบตลาดทุนไทยสามารถมีความยืดหยุ่นได้ดี โดยได้ดำเนินตามแผนสำรองฉุกเฉิน (BCP) สามารถติดต่อผู้ประกอบธุรกิจ ตลาดหลักทรัพย์ และกลุ่มดิจิทัลแอสเสต และตัดสินใจร่วมกันเพื่อคุ้มครองนักลงทุน สิ่งที่เป็นสินทรัพย์สำคัญคือข้อมูลข่าวสาร การปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบบไม่มีปัญหา แต่คำนึงความปลอดภัยของคน และความไม่แน่นอนของข้อมูลข่าวสาร แต่จากการพูดคุยกันต่อเนื่องมีความมั่นใจว่าระบบตลาดทุนและดิจิทัลแอสเสตมีเสถียรภาพ

ส่วนผลกระทบด้านราคา สิ่งที่ทำได้ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล คือข้อมูลข่าวสาร นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจอย่างมีสติ แยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงกับความเชื่อและความคาดหวัง ส่วน ก.ล.ต. สิ่งที่เราต้องทำคือการผ่อนปรนในเรื่องการรายงาน ในวันนี้เป็นวันครบรอบส่งรายงาน One Report ซึ่งได้สื่อสารมาตรการต่างๆ ออกไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าระบบตลาดทุนสามารถมั่นใจในเรื่อง BCP และให้ความมั่นใจว่าทุกอย่างยังอยู่ในการกำกับดูแลและติดตามอย่างต่อเนื่อง

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สื่อสารกับนักลงทุนมาตลอด คือ การวิเคราะห์ข้อมูลและดูข้อมูลให้รอบคอบ สถานการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ข่าวสารออกไปเยอะมากที่ตื่นตระหนกในยุคของโซเชียลมีเดีย ต้องวิเคราะห์ให้ดี ต้องแยกแยะให้ได้ว่าใครเป็นคนพูด ใครพูดอะไร วันนี้สภาวิศวกรกล่าวว่าเมืองไทยผ่านการทดสอบทางด้านวิศวกรรม สภาอุตสาหกรรมฯ กล่าวว่าภาคอุตสาหกรรมทุกหน่วยยังดำเนินการต่อได้ ภาคธนาคาร เสถียรภาพการเงินไม่สะดุด คปภ. พร้อมตอบสนองสิ่งที่ต้องช่วยเหลือประชาชน ให้ความสำคัญกับชีวิตเป็นสิ่งแรก แต่อุตสาหกรรมและบริษัทประกันภัยมีความแข็งแกร่ง พร้อมช่วยเหลือประเทศชาติในจังหวะที่จำเป็น

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น สำนักงาน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ ประสานงานกับทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อม และให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นสิ่งแรก ระบบยังใช้งานได้ไม่สะดุด แต่กรณีนี้ต้องอพยพกัน สร้างความไม่แน่นอน แต่ได้ปรึกษาหารือและตรวจสอบระบบ ทุกภาคส่วนพร้อมให้บริการทุกคน ช่วงนี้จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี (AGM) มีการออกรายงานค่อนข้างมาก ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมที่จะบริการเต็มที่ และคอลเซ็นเตอร์รองรับนักลงทุนและบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา