ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ(26มี.ค.) ได้แรงหนุนจากคลังเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ถูกฉุดจากหุ้นของเทสลา รอฝั่งข่าวมาตรการรีดภาษียานยนต์นำเข้าอเมริกา ขณะที่ทองคำปรับตัวลงเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ ปิดที่ 69.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ ปิดที่ 73.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) ระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล เหลือ 433.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลงเพียง 956,000 บาร์เรล บ่งชี้อุปสงค์แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันตลาดยังได้แรงหนุนจากกรณีที่กระแสน้ำมันของเวเนซุเอลาที่ป้อนไปยังจีน ชาติผู้ซื้อรายใหญ่ หยุดชะงักลงไปในวันอังคาร(25มี.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งรีดภาษีประเทศต่างๆที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา ไม่กี่วันหลังจากอเมริกากำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล็งเป้าเล่นงานบริษัทต่างๆของจีนที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบในวันพุธ(26มี.ค.) ถูกฉุดจากหุ้นของเทสลา นักลงทุนเฝ้ารอข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการรีดภาษีของอเมริกาที่เตรียมกำหนดเล่นงานยานยนต์นำเข้า
ดาวโจนส์ ลดลง 132.71 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,454.79 เอสแอนด์พี ลดลง 64.45 จุด (1.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,712.20 จุด แนสแดค ลดลง 372.84 จุด (2.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,899.01 จุด
ประธานาธิบดีทรัมป์ เตรียมแถลงแผนรีดภาษีอุตสาหกรรมรถยนต์ในวันพุธ(26มี.ค.) ยกระดับสงครามการค้าที่เขาเริ่มต้นในปีนี้ บรรดาผู้เชี่ยวด้านในอุตสาหกรรมยานยนต์คาดหมายว่ามันจะผลักให้ราคารถยนต์สูงขึ้นและกีดกันการผลิต ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยสัญญาว่าจะเปิดตัวมาตรการรีดภาษีตอบโต้ต่างๆนานาในวันที่ 2 เมษายน
หุ้นของเทสลา ร่วงลง 5.6% และ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ลดลง 3.1% เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับขอบเขตการรีดภาษี และมาตรการตอบโต้จากบรรดาชาติคู่ค้า รวมถึงผลกระทบของมันที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลกและภาคธุรกิจต่างๆ
ส่วนราคาทองคำขยับลงในวันพุธ(26มี.ค.) จากการแข็งค่าของดอลลาร์และการดีดตัวขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แม้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการรีดภาษีของทรัมป์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 0.1% ปิดที่ 3,022.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)