ตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลัง ป.ป.ช. ป.ป.ท. และ อย. จับกุมขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก รวบตัวการใหญ่ "พันเอกหญิง" จัดหาคนมาพบแพทย์ ตรวจรักษากับ "แพทย์หญิง" ก่อนจ่ายยาเบาหวาน ความดัน ยานอนหลับ เกินจากโรคที่อยู่จริง แล้วนำยาไปขายให้เอเยนต์ ก่อนกระจายร้านขายยา เสียหายราว 80 ล้านบาท
วันนี้ (26 มี.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มอบหมายให้ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ พร้อมด้วย นายธนิต สุวรรณากาศ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนักสืบสวนคดีทุจริตภาค 1 และภาค 2 ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกันดำเนินปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการทุจริตการเบิกจ่ายยาของโรงพยาบาลองค์การทหารผ่านศึก
โดยจับกุมแพทย์หญิงบรินดา อุจวาที อายุ 48 ปี ผู้ชำนาญการ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก กับพวกรวม 8 คน กรณีมีขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาล เพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก ระหว่าง ปี 2561-2568 โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิด คือ ร่วมกันกระทำในลักษณะของการวางแผนตระเตรียมการ ให้มีการจัดหาบุคคลที่มีอาการเจ็บป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์ มาทำที่เป็นตรวจรักษากับแพทย์หญิงบรินดาเพื่อจะได้สั่งจ่ายยาให้กับผู้นั้น และสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง โดย พันเอกหญิงกัญญารัตน์ จิตต์ประสงค์ อายุ 59 ปี ข้าราชการบำนาญ ทำหน้าที่จัดหาคนมารักษา แล้วนำยาดังกล่าวทั้งหมดไปขายตามคลินิกเพื่อนำเงินที่ได้มาแบ่งให้กับผู้ร่วมขบวนการในการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ให้ดำเนินการคดีกับขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก หลังพบว่ามีการทุจริตมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน โดยร่วมกันทำเป็นขบวนการ มีพันเอกหญิงกัญญารัตน์ เป็นหัวหน้าขบวนการ วางแผนตระเตรียมให้แม่ข่ายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิงบรินดา เพื่อที่จะได้สั่งจ่ายยาให้กับผู้นั้น และสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาทั้งหมดแล้วนำไปขายให้เอเย่นต์ที่จังหวัดปราจีนบุรี จากนั้นมีการขายยาต่อมายังเอเย่นต์ที่ย่านพระราม 4 จากนั้นนำยาไปขายต่อให้ร้านยาในกรุงเทพหลายร้านและจังหวัดชลบุรี
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พันเอกหญิงกัญญารัตน์ พบในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ ปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ความเสียหายจาก การทุจริตดังกล่าวขณะนี้ มีการประเมินมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 80 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการนี้ ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดรวม 8 คน ประกอบด้วย พันเอกหญิงกัญญารัตน์ แพทย์หญิงบรินดา นายสมพงษ์ น.ส.สุรีย์ สิบเอกสมปราช ร้อยตรีภาวนา จ่าสิบเอกทินกร และนางอภิญญา และได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการตรวจค้นร้านขายยาต้องสงสัยในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ชลบุรี แจ้งวัฒนะ ศิริราช ประตูน้ำ นนทบุรี และรังสิต หลังพบพยานหลักฐานว่า พันเอกหญิง กัญญารัตน์ นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตดังกล่าว เนื่องจากเป็นหัวหน้าขบวนการทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ให้กับแม่ทีมเครือข่ายเพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญอีกหนึ่งจุด คือ บ้านพักของแพทย์หญิงบรินดา โดยตัวของแพทย์หญิงบรินดาเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา โดยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริงให้กับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้ ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือสำคัญระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการขจัดขบวนการทุจริตที่ทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณอย่างมหาศาล ซึ่งคาดการณ์ว่ามูลค่าความเสียหายมากกว่า 80 ล้านบาท พร้อมทั้งสร้างความโปร่งใสในระบบสาธารณสุขและการใช้สิทธิรักษาพยาบาลของข้าราชการ
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. นำกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ลุยตรวจค้นเป้าหมาย 18 จุดในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ลพบุรี และปราจีนบุรี ชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหา โดยจับกุมพันเอกหญิงกัญญารัตน์ ในบ้านพักย่านเกียกกาย และแพทย์หญิงบรินดา ที่บ้านพักย่านลาดพร้าว 71 นอกจากนี้ยังตรวจค้นร้านยาแห่งหนึ่งย่านถนนพระรามที่ 4 แต่ไม่พบตัวยาเป้าหมาย คือ ยาเบาหวาน ความดัน ยานอนหลับออกฤทธิ์จิตประสาท แต่พบแชตไลน์ที่พูดคุยกับยี่ปั๊วซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา แม้ลบไปแล้วแต่ยังพบข้อความปักหมุดในไลน์ เป็นชื่อตัวยาชนิดหนึ่ง ส่วนเจ้าของร้านอ้างว่าไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับโครงการทุจริตยา เพราะทุกครั้งที่มีการซื้อขายยา จะซื้อขายผ่านบริษัทที่มีเภสัชกรมาเสนอ ไม่รู้จักและไม่เคยซื้อขายกับยี่ปั๊วที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องหา
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า พบโฉนดที่ดินของยี่ปั้ว (ร้านขายยาเถื่อน) ภายในห้องพักที่ตรวจค้นด้วย ทุกอย่างเป็นพยานหลักฐานได้หมด เบื้องต้นเส้นเงินมีมูลค่ามหาศาลกว่า 80 ล้านบาท โดยประมาณการ ต้องประเมินกันอีกครั้ง เบื้องต้น จับกุมผุ้ต้องหาได้ 8 คนตามหมายศาล และแจ้งข้อกล่าวหาแม่ทีมเพิ่มอีก 4 คน ฐานความผิดสนับสนุนการทุจริตฯ
ด้าน พล.อ.เดชนิธิศ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก เปิดเผยว่า ตำรวจจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐ 2 คน ประกอบด้วย พันเอกหญิง แพทย์หญิงตัวการใหญ่ พร้อมแม่ทีมเครือข่ายนำส่งผู้ป่วย-กลุ่มรับซื้อยา ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจำนวน 10 คน รวมทั้งหมด 12 คน ซึ่งวันนี้เป็นได้ด้วยความเรียบร้อย พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่มีประโยชน์ต่อรูปคดี