นายกรัฐมนตรี เปิดทางฝ่ายค้านยื่นตรวจสอบเรื่องภาษีและจริยธรรม กรณีทำตั๋วสัญญาใช้เงินซื้อขายหุ้น ระบุ ตอนเข้าสู่การเมืองรู้อยู่แล้วว่าต้องถูกตรวจสอบ ส่วนกรณีชั้น 14 ให้กระทรวงยุติธรรมชี้แจง ด้านผู้นำฝ่ายค้านเผย เตรียมทำหนังสือถามความเห็นกรมสรรพากร แต่รอดูนายกฯ ชี้แจงอีกครั้ง
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่อาคารรัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงการที่ฝ่ายค้านจะยื่นตรวจสอบเรื่องภาษีต่อกรมสรรพากร และยื่นสอบจริยธรรม กรณีทำตั๋วสัญญาใช้เงินในการซื้อขายหุ้นจากครอบครัวและเครือญาติ ว่า สามารถยื่นตามกระบวนการได้เลย จะได้ทราบว่าอย่างไร เพราะในส่วนของตน ก็ทำตามกฎเกณฑ์ทุกอย่าง จะตรวจสอบอะไรก็ได้เลย เพราะตอนที่เข้าการเมืองก็รู้อยู่แล้วว่าต้องถูกตรวจสอบ
ทั้งนี้ บัญชีทรัพย์สินทุกอย่าง ตั้งแต่ปี 2549 ที่มีการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร ทุกอย่างโปร่งใส บัญชีเล็กบัญชีน้อยต่างๆ ไม่มีอะไรผิดอยู่แล้ว การแจ้งบัญชีทรัพย์สินก็ทำตามกฎตามเกณฑ์ทั้งหมด และถามตลอดด้วยว่าถ้ามีการซื้อใหม่จะทำอย่างไร พยายามให้เคลียร์ตลอดอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายกรณีนายทักษิณ พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ติดคุก จะใช้โอกาสนี้ชี้แจงหรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอรวบรวมประเด็นก่อนว่ามีตรงไหนควรจะตอบหรือไม่ตอบ เพราะเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมตอบในรายละเอียดทั้งหมด และต้องดูว่ามีการอภิปรายอย่างไรบ้าง เพราะเรื่องชั้น 14 ตอนนั้นตนยังไม่ได้เป็นนายกฯ นายทักษิณออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว สักพักถึงได้เป็นนายกฯ ซึ่งต้องดูว่า การที่ฝ่ายค้านอภิปรายก็เป็นผลงานรัฐบาลอื่น ตนก็งงเหมือนกัน ว่าทำไมมาอภิปรายที่ตัวแพทองธาร ชินวัตร
เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุว่าจะมอนิเตอร์การอภิปรายตลอด ได้มีคำแนะนำหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ตลกอีกเรื่องหนึ่ง คือคุณพ่อ (นายทักษิณ) มอนิเตอร์ตลอดเวลาและส่งข้อความมาหาตนเยอะมาก แต่ตนไม่ได้อ่านเลย เพราะตนยุ่งมาก เตรียมประเด็นอยู่ ก็เลยไม่ได้ตอบอะไรใคร แต่ก็มีโทรศัพท์มาหาตนถามว่าเป็นไง โอเคไหม พ่อก็ส่งคอมเมนต์มาแต่ละช่วง ก็ตลกดี คุณพ่อก็เหมือนชาวบ้านท่านหนึ่งที่คอมเมนต์ ไม่มีอะไรพิเศษ
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีการเสียภาษีของนายกรัฐมนตรีตอบได้ชัดเจนหรือไม่อยู่ที่มุมมอง สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพยายามอธิบายในการตั้งคำถามฝ่ายค้านกลับมา ให้ลองถามคนที่ทำธุรกิจดูว่า ใครๆ ก็ทำแบบนี้ ตนว่าเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ประชาชนก็เห็นอยู่ว่าการกระทำแบบนี้เป็นธุรกรรมอำพราง ในการหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งการบริหารภาษีกับการหลบเลี่ยงภาษีมีเส้นแบ่งบางๆ ซึ่งของนายกรัฐมนตรีมองเห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจหลบเลี่ยงภาษีมากกว่า
ทั้งนี้ ตามที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้อภิปรายไปเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) จะทำหนังสือขอความเห็นถามไปยังอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อดูว่าการทำธุรกรรมแบบนี้ กรมสรรพากรจะว่าอย่างไร ซึ่งต้องอยู่ที่หน่วยงานด้วยว่าจะวางมาตรฐานตรงนี้อย่างไร ส่วนการยื่นสอบจริยธรรมนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ จะยื่นก่อนหรือหลังการทำหนังสือสอบถามกรมสรรพากร ให้รอดู และให้โอกาสรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงวันนี้อีกสักหนึ่งครั้ง
"การที่เราจะมีนายกรัฐมนตรีที่เคยประกอบธุรกิจผิดกฎหมายเป็นหลักฐานชิ้นประจักษ์ ถ้านายกรัฐมนตรีตอบได้ไม่ดีเพียงพอไม่มีหลักฐานหักล้างกับข้อเท็จจริงของพวกเราได้ ก็จะเป็นคุณสมบัติติดตัวที่ไม่ควรจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป"