xs
xsm
sm
md
lg

ส่องรถใหม่ “มอเตอร์โชว์ 2025” ค่ายญี่ปุ่น-จีน-ยุโรป ส่งลงสนามชิงยอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 ครั้งที่ 46 กำลังจะเริ่มขึ้นวันที่ 25มีนาคม แน่นอนว่าหลายคนอยากทราบข้อมูลเบื้องต้นของงานปีนี้ โดยเฉพาะรถยนต์ใหม่ที่เป็นไฮไลต์ มาดูกันว่าในปีนี้ จะมีสีสันอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง


รถยนต์พลังไฟฟ้า-ของใหม่ยังมี

แม้ว่าภาพรวมของตลาดรถยนต์ในปี 2025 จะถูกประเมินว่าน่าจะเป็นอีกปีที่เหนื่อยสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ แต่ในส่วนของตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ BEV ต้องบอกว่า ยังมีความคึกคักกันอย่างต่อเนื่องจากจำนวนรถยนต์ใหม่ๆ ที่ถูกนำมาเปิดตัวในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025” โดยเฉพาะจากผู้ผลิตสัญชาติจีน

แน่นอนว่าในปีนี้ เราจะได้พบกับ Deepal S05 ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการประกาศราคาออกมา โดย Deepal S05 เป็น SUV ขนาดกลางที่มีทางเลือกทั้งแบบไฟฟ้าล้วน 100% และแบบไฮบริดแบบ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) หรือเมื่อก่อนเราเคยรู้จักกันในชื่อ E-REV หรือ Extend Range Electric Vehicle ซึ่งสเป็กที่อยู่ใน S05 นั้น คาดว่าจะมีระยะการขับเกิน 1,000 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถังเลยทีเดียว ราคาของรุ่น EV อยู่ระหว่าง 799,000 - 899,000 บาท และรุ่น REEV อยู่ระหว่าง 949,000 - 999,000 บาท


อีกรุ่นที่น่าสนใจ คือ “The First Ever Intelligent e-SUV” หรือ MG IM6 และเปิดตัว 1 สัปดาห์ก่อนงานจะเริ่มขึ้น โดยมาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ ดีไซน์การออกแบบล้ำสมัย ระบบวิศวกรรม และสถาปัตยกรรมยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ รุ่นเริ่มต้น Premium RWD มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุด 217 กิโลวัตต์ (295 แรงม้า) ระยะการขับ 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งมาตรฐาน NEDC และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อPerformance AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังสูงสุด 572 กิโลวัตต์ (787 แรงม้า) ที่แล่นได้ 634 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง


ทาง Xpeng และ Zeekr ยังมีของใหม่ออกมาให้สัมผัสกัน โดยค่ายแรกเป็นรุ่น X9 ที่มีราคา 2.749 ล้านบาท เป็นรถตู้พลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมียมจาก Xpeng นำเสนอความก้าวล้ำของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ SiC Architecture รองรับกำลังไฟฟ้าในการชาร์จสูงสุด 330 กิโลวัตต์ โครงสร้างตัวถังสถาปัตยกรรม SEPA 2.0 ได้แรงบันดาลใจการออกแบบจากยานอวกาศ ห้องโดยสารมีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 7.7 ตรม. และเบาะนั่งแถวที่สองมาพร้อมฟังก์ชั่น Zero-gravity เพื่อความสบายระหว่างการเดินทาง


ขณะที่ Zeekr เป็นรุ่น 7X เอสยูวีไฟฟ้า 5 ที่นั่งสุดพรีเมียมออกแบบเพื่อการใช้งานแบบครอบครัวโดยเฉพาะ สะดวกสบายด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยของระบบขับเคลื่อน Silicon Carbide E-Motor 2 ชุด ช่วยให้ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ระยะทางการขับสูงสุด 780 กม./ชาร์จ (มาตรฐาน CLTC)


สำหรับ MINI เป็นอีกค่ายที่มีผลผลิตจากตลาดไฟฟ้า แต่คราวนี้เป็นเวอร์ชันตัวแต่ง JCW หรือ John Cooper Works Electric ติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ (258 แรงม้า) และแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่เรียกใช้งานได้ทันที และยังคงไว้ของความรู้สึก “Go-Kart feeling” ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mini

ตลาดไฮบริดสุดคึกคัก ทางเลือกใหม่มาเพียบ

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์บ้านเราโดนเขย่าด้วยผลผลิตที่เป็นไฟฟ้าล้วน หรือ BEV มาโดยตลอด จนหลายคนคิดว่าทางเลือกของการขับเคลื่อนแบบอื่นๆ ไม่น่าจะมีให้สัมผัสกันอีกแล้ว แต่ที่ไหนได้ รถยนต์ไฮบริด ทั้งแบบปกติ แบบเสียบปลั๊กชาร์จ หรือ PHEV รวมถึง E-REV กลับทะลักเข้ามาเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่ได้จำกัดแค่ค่ายจีนเท่านั้น



Deepal S05 รุ่นหนึ่งละที่มีเวอร์ชัน REEV ออกมา ส่วนที่เหลือ เช่น BYD SHARK 6 DM-i รถกระบะสมรรถนะสูงแบบดับเบิ้ลแค็บ ติดตั้งระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด เป็นการทำงานร่วมระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กับระบบ EHS และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 in 1ให้กำลังรวมสูงสุด 430 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร โดยสามารถขับโหมดไฟฟ้าล้วนได้สูงสุด 100 กม. (มาตรฐาน NEDC)


ส่วน GWM หรือ Great Wall Motors ไฮไลท์เด่นในงานคือ การเปิดตัวเวอร์ชันไมเนอร์เชนจ์ของ Haval H6 ซึ่งมีการแต่งหน้าทาปากใหม่เพื่อให้สวยงามและลงตัวยิ่งขึ้น โดยยังคงมีตัวเลือกทั้งขุมกำลังไฮบริด HEV และปลั๊ก-อิน ไฮบริด PHEV ที่ได้รับการยกระดับสมรรถนะการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมทั้งเพิ่มเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา


สำหรับเวอร์ชัน PHEV จากฝั่งยุโรป ก็มี Audi ซึ่งเปิดตัวรุ่น A5 Plug-in Hybrid ใช้พื้นฐานของ A5 รุ่นล่าสุด มาพร้อมตัวถัง 2 รูปทรง Avant และ Sportback โดยยังคงถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขุมกำลัง Plug-in Hybrid รุ่นล่าสุดทำให้โหมดไฟฟ้ามีระยะการขับไกลถึง 114 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ผสานกับระบบขับเคลื่อน quattro เพื่อรองรับพละกำลัง 367 แรงม้า และแรงบิด 350 นิวตันเมตร


อีกแบรนด์คือ Volvo ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง คราวนี้ผู้ผลิตจากสวีเดนหันมาเพิ่มทางเลือกของ PHEV กันบ้างกับรุ่น XC90 PHEV ซึ่งสามารถเดินทางในโหมดไฟฟ้า หรือ EV Mode ได้ไกลถึง 70 กิโลเมตร หากชาร์จเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ตามมาตรฐานทดสอบ WLTP

ฝั่งญี่ปุ่นมีอะไรบ้างในงานนี้


การกระตุ้นตลาดด้วยผลผลิตใหม่ๆ ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องสำหรับแบรนด์ญี่ปุ่น ซึ่งในงานนี้ ที่คอนเฟิร์มแน่ๆ ก็คือ Mitsubishi XForce ซับคอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์รุ่นล่าสุดจากค่าย Mitsubishi Motors พัฒนาจากรถต้นแบบ XFC เพื่อให้เป็นเอสยูวีที่มีสไตล์ และความแข็งแกร่ง ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังเบนซิน MIVEC 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมตัวเลือก 4 โหมดการขับขี่เพื่อการใช้งานในทุกสถานการณ์ และระบบควบคุมการขับเคลื่อน Active Yaw Control


ขณะที่ Nissan จะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการของ Serena e-Power ใหม่ หลังจากเปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2024 รถยนต์อเนกประสงค์ MPV แบบ 7 ที่นั่งรุ่นนี้ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ พร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน e-Power ประกอบด้วยชุดมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และแรงบิด 315 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.77 กิโลวัตต์ชั่วโมง และชุดเครื่องยนต์สันดาปรหัสใหม่ HR14DDe ความจุ 1,400 ซีซี 3 สูบ แบบหัวฉีดไดเร็กอินเจ็กชั่น เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า และเทคโนโลยีความปลอดภัย 360° Nissan Safety Shield


ส่วนความเคลื่อนไหวจากแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดพลังไฟฟ้า น่าจะมีเพียงรุ่นเดียวคือ เวอร์ชันขายจริงของ e-N1 จากค่าย Honda โดยก่อนหน้านั้น ผลิตในไทยก็จริง แต่ไม่ขายขาด ปล่อยให้เช่า แต่วันนี้นำมาขายเลย ประกอบจากจีน ส่วนราคาเคาะอยู่ที่ 1,199,000 บาท

รถยนต์หรูยังมีทางเลือกใหม่รออยู่

สำหรับตลาดรถยนต์หรู ถือว่าคึกคักสวนทางเศรษฐกิจ และแบรนด์ต่างๆ ได้นำผลผลิตใหม่ๆ มาเปิดตัวในงานนี้หลายรุ่น เช่น


Aston Martin Vantage : Aston Martin ปรับเปลี่ยนโครงสร้างตัวถังพร้อมเพิ่มเทคโนโลยีล่าสุดลงใน New Vantage เพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ระดับสูงสุด ขุมกำลังเบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ได้รับการอัปเกรด ทำให้มีกำลังรวมเพิ่มเป็น 665 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลา 3.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม.


BMW M2 : เวอร์ชั่นอัปเกรดของรถสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง New BMW M2 โดยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo มีกำลังเพิ่มเป็น 480 แรงม้า (+20 แรงม้าจากรุ่นก่อน) และแรงบิด 600 นิวตันเมตร โดยตัวเลือกแพ็คเกจ M Racetrack (เพิ่มเงิน 700,000 บาท) ทำให้ความเร็วสูงสุดไปได้ถึง 285 กม./ชม. (+ 35 กม.ชม. จากรุ่นพื้นฐาน) แต่อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเท่ากันที่ 4 วินาที


Maserati Gran Cabrio : ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติอิตาเลี่ยน เอาใจผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์เปิดประทุนกับ New GranCabrio โดยมีตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์สันดาป Nettuno กำลังสูงสุด 550 แรงม้า และ Folgore ขุมกำลังไฟฟ้า 100% ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งฟอร์มูลา อี แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษเอาไว้อย่างครบถ้วน


Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ : กลับมาอีกครั้งสำหรับโมเดลสมรรถนะสูงระดับแฟล็กชิพของตระกูล GT เจเนอเรชันที่ 2 รหัสตัวถัง C192 ออกแบบภายใต้แนวคิด “One Man, One Engine” ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศ Bi-Turbo ทำให้สร้างพละกำลังได้มากถึง 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.2 วินาที และความเร็วสูงสุด 315 กม./ชม.

ใครที่อยากสัมผัสรถแต่ละรุ่น สามารถเดินทางไปดูได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2025 ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่าง 26 มีนาคม จนถึง 6 เมษายนนี้ ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
กำลังโหลดความคิดเห็น