ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 มี.ค.) คาดหมายว่าเขาจะลงนามในข้อตกลงวอชิงตัน-เคียฟ เกี่ยวกับแร่สำคัญ "เร็วๆ นี้" และบ่งชี้ว่ากำลังอยู่ระหว่างการเจรจาความเป็นไปได้ที่บริษัทมะกันจะเข้ามาเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าในยูเครนด้วย
ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ประเทศ มีแผนลงนามในข้อตกลงแร่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่แผนดังกล่าวต้องพังครืนลง ตามหลังการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูคเรน ในห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว
นอกเหนือจากคาดหมายว่าจะลงนามในข้อตกลงแร่ในเร็ววันแล้ว ทรัมป์ ยังพาดพิงด้วยว่าสหรัฐฯ และยูเครนกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่บรรดาบริษัทสัญชาติอเมริกาจะเข้าไปเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าในยูเครน ตามรายงานของรอยเตอร์
"ตอนนี้เรากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับดินแดน เรากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเส้นแบ่งเขต พูดเกี่ยวกับไฟฟ้า การเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า บางคนบอกว่าสหรัฐฯ ควรเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า เพราะเรามีความเชี่ยวชาญ" ทรัมป์กล่าว
ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องกับคำแถลงของ แคโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว ที่บอกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ว่าสหรัฐฯ "มุ่งหน้าไปไกลกว่า" ข้อตกลงแร่กับยูเครน และกำลังมุ่งเน้นไปที่การบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืน
คณะผู้แทนของสหรัฐฯ ได้พบปะกับคณะผู้แทนของยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ (23 มี.ค.) และพบปะกับพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียในวันจันทร์ (24 มี.ค.) ในกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย การเจรจาดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่ข้อตกลงหยุดยิงทะเลดำเป็นส่วนใหญ่ แต่ ทรัมป์ บอกว่าประเด็นอื่นๆ จะตามมา ในขณะที่เขาผลักดันให้ระงับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปี
ข้อตกลงแร่ที่คาดหวังกันไว้อย่างมาก จะจัดตั้งกองทุนหนึ่งขึ้นมา ซึ่งทางยูเครนจะมอบส่วนแบ่ง 50% ของรายได้ทั้งหมดจากแร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติของยูเครน ในนั้นรวมถึงน้ำมัน ก๊าซและโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ เข้าสู่กองทุนแห่งนี้ จนกว่าเงินสมทบจะถึงจำนวน 500,000 ล้านดอลลาร์ ตามที่สหรัฐฯ เรียกร้อง
ยูเครนปฏิเสธข้อตกลงเวอร์ชันก่อนหน้านี้ บนพื้นฐานที่ว่ามันปราศจากการรับประกันความมั่นคงที่เป็นรูปธรรม
ข้อตกลงสุดท้ายที่เคียฟเห็นชอบ ไม่ได้มอบการรับประกันด้านความมั่นคงเช่นกัน แต่มันรวมถึงแนวทางหนึ่งที่ระบุว่าจะทำเงินของกองทุนได้ลงทุนใหม่ในยูเครน อย่างน้อยๆ ก็เป็นรายปี เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย ความมั่นคงและความรุ่งเรืองของยูเครน
ทำเนียบขาวให้คำจำกัดความข้อตกลงนี้ว่าเป็นหนทางที่สหรัฐฯ จะได้คืนความช่วยเหลือทางการเงินที่พวกเขาป้อนโดยตรงให้เคียฟ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานเต็มรูปแบบ
(ที่มา : รอยเตอร์/เคียฟอินดิเพนเดนท์)