กบน. มีมติปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลลง 1 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ รองรับกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังราคาน้ำมันตลาดโลกอ่อนตัว และฐานะกองทุนฯ ภาระหนี้ลดลง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน.เมื่อวันที่ 24มีนาคม2568 มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงสำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลง 1 บาทต่อลิตร โดยการปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร เริ่มครั้งที่ 1 ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับประประชาชน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อกองทุนน้ำมันฯ
การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันดังกล่าวเป็นการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้สอดรับกับแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง ขณะที่สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มมีรายรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน-ดีเซลครั้งนี้คาดว่าจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯประมาณ 100ล้านบาทต่อวันแบ่งเป็นเงินสำหรับการลดราคาน้ำมันดีเซลคาดใช้เงินประมาณ 67ล้านบาทต่อวันและเบนซินประมาณ 32ล้านบาทต่อวัน ส่วนกรอบระยะเวลาการอุดหนุนนั้นยังไม่ได้กำหนด เพราะจะดูจากสถานะกองทุนน้ำมันฯเป็นหลัก
ในส่วนของก๊าซหุงต้ม (LPG) จะมีการหารือในที่ประชุมอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เนื่องจากมาตรการตรึงราคาLPGสิ้นสุดในวันที่ 31มีนาคมนี้คาดว่าจะยังคงตรึงราคา LPGที่ 423บาทต่อถัง 15กิโลกรัมต่อไป
“การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ครั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มดีเซล คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว กระตุ้นการเดินทาง เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์”
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานถึงสถานการณ์ และฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี (มกราคม 2568 - วันที่ 23 มีนาคม 2568) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบดูไบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากเดิมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 กองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท) ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ปรับลดลงเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 เหลือติดลบ 60,052 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 14,063 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,989 ล้านบาท)
“กบน.ยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังคงทำหน้าที่ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้หลักการ “เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้” เพื่อประโยชน์ของประชาชน และทุกภาคส่วน” นายพีระพันธุ์ กล่าว