พบเงินทุนไหลออกจากอียูแตะระดับ 300,000 ล้านยูโรปต่อปี หลังนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันเคลื่อนย้ายเงินเข้าสู่ทรัพย์สินที่อยู่นอกภูมิภาค จากคำกล่าวอ้างของ อันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางปัญหาต่างๆนานา ที่บางส่วนเป็นผลกระทบจากวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน
ความเห็นของคอสตา มีขึ้นในขณะที่ทางกลุ่มกำลังพิจารณาเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารที่มอบแก่ยูเครนอีกเท่าตัว เมื่อเทียบเป็นรายปี พร้อมกับเดินหน้าทำตามคำสัญญามอบความช่วยเหลือทางการเงินแก่เคียฟหลายหมื่นล้านยูโร
หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะมนตรียุโรป คอสตาให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวว่า พวกพวกเจ้าหน้าที่ในบรัสเซลส์ กำลังหาทางจัดการกับเงินทุนไหลออกด้วยการลดราคาพลังงาน ซึ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี อันส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักๆและบริษัททั้งหลาย
"จนถึงตอนนี้ เงินเก็บของครอบครัวอียูราว 300,000 ล้านยูโร ไหลออกจากตลาดสหภาพยุโรปในแต่ละปี" คอสตากล่าว ยอมรับว่าการทำธุรกิจตามปกติไม่ใช่ทางเลือกสำหรับกลุ่มอีกต่อไป "มีเงินจำนวนถึง 300,000 ล้านยูโร ที่ไม่ได้อุดหนุนธุรกิจในสหภาพยุโรป"
คอสตา เรียกร้องให้ปรับลดกฎระเบียบและระบบราชการที่มากเกินความจำเป็นลง 25% สำหรับบริษัททั้งหมดของยุโรป และ 35% สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ในความพยายามดึงดูดเงินทุนกลับสู่กลุ่ม
เงินทุนไหลออกมหาศาลหลายแสนล้านยูโร เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อียูกำลังหาทางคงไว้ซึ่งเงินสนับสนุนยูเครน ความพยายามดังกล่าวมีแรงขับเคลื่อนจากกรณีที่มีความกังวลมากขึ้นในบรัสเซลส์ ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อาจหยุดกระแสอาวุธของอเมริกาที่ป้อนแก่รัฐบาลของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว คาจา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู เสนอแผนสายเหยี่ยว ที่จะเพิ่มกระแสเงินสดของกลุ่มป้อนแก่เคียฟในปีนี้ เป็นแตะระดับ 40,000 ล้านยูโร
ในวันพฤหัสบดี(20มี.ค.) ฮังการี ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์อียูมาช้านานต่อกรณีมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ปฏิเสธลงนามในแถลงการณ์ร่วมของอียู ที่เรียกร้องให้เพิ่มเงินสนับสนุนเคียฟ
วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี บอกว่าอียูพังครืนแล้ว เนื่องจากพวกเขาใช้ "เงินไปหมดแล้ว" และความเป็นจริงคือไม่เหลือแม้แต่เพนนีเดียว ที่จะสนับสนุนยูเครน ท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)