สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ มองในแง่บวก ในวันอาทิตย์ (23 มี.ค.) ก่อนหน้าการเจรจาเดิมพันสูงในซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับสงครามในยูเครน และเชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ต้องการยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมา 3 ปี
"ผมรู้สึกว่าเขาต้องการสันติภาพ" วิตคอฟฟ์ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ในวันอาทิตย์ (23 มี.ค.)
ผู้แทนของสหรัฐฯ รายหนึ่งมีกำหนดประชุมร่วมกับพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนในซาอุดีอาระเบีย หลังจากนี้ในวันอาทิตย์ (23 มี.ค.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิงบางส่วนระหว่างยูเครนกับรัสเซีย จากนั้นพวกเจ้าหน้าที่อเมริกาและรัสเซีย จะพูดคุยกันในวันจันทร์ (24 มี.ค.) ในซาอุดีอาระเบียเช่นกัน
"ผมคิดว่าสิ่งที่คุณกำลังเห็นในซาอุดีอาระเบียในวันจันทร์ คือความคืบหน้าอย่างแท้จริงบางอย่าง ผลก็คือข้อตกลงหยุดยิงหยุดโจมตีเรือในทะเลดำระหว่าง 2 ประเทศ และจากจุดนั้น โดยธรรมชาติแล้ว คุณก็จะมุ่งหน้าสู่การหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบ" วิตคอฟฟ์ ระบุ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปูติน ตกลงหยุดโจมตีที่ตั้งทางพลังงานของยูเครนเป็นการชั่วคราว แต่ไม่รับรองข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วัน ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป หวังว่าจะเป็นก้าวย่างแรกในการมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงสันติภาพอย่างถาวร ผิดกับฝ่ายยูเครนที่ตอบรับข้อเสนอหยุดยิง 30 วันของทรัมป์
ครั้งถูกถามเกี่ยวกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของตะวันตกที่มีต่อปูติน ทาง วิตคอฟฟ์ เชื่อว่าแต่ละฝ่ายมีเรื่องราวของตนเอง และปฏิเสธความกังวลในบรรดาพันธมิตรนาโตของวอชิงตัน ที่หวั่นเกรงว่ามอสโกอาจฮึกเหิมกว่าเดิมจากข้อตกลงหนึ่งๆ และเดินหน้ารุกรานประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เป็นลำดับถัดไป
"ผมไม่เห็นว่าเขาต้องการยึดยุโรปทั้งหมด มันเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างอย่างมากจากสงครามโลกครั้งที่ 2" วิตคอฟฟ์ กล่าว
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวหั่นโครงการต่างๆของรัฐบาลและเงินช่วยเหลือต่างประเทศเกือบทั้งหมด รัฐบาลทรัมป์ได้ยุติให้เงินสนับสนุนโครงการหนึ่งที่นำโดยศูนย์ปฏิบัติการวิจัยมนุษยธรรมแห่งมหาวิทยาลัยเยล ที่ติดตามกรณีรัสเซียบังคับขนย้ายเด็กชาวยูเครนจำนวนมากไปยังรัสเซีย ตามคำกล่าวอ้างของบรรดาสมาชิกสภาคองเกรส
ในเรื่องนี้ ไมค์ วอล์ทซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ บอกว่าสหรัฐฯ จะพูดคุยหารือระหว่างการเจรจารัสเซีย-ยูเครน เกี่ยวกับมาตรการเสริมสร้างความไว้วางใจต่างๆ ในนั้นรวมถึงอนาคตของเด็กๆ ชาวยูเครนที่ถูกพาตัวไปยังรัสเซีย ระหว่างความขัดแย้ง "เรากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับมาตรการเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่างๆ และมันคือหนึ่งในนั้น"
ยูเครน กล่าวหาว่าการลักพาตัวเด็กหลายหมื่นคน ที่ถูกพาไปยังรัสเซียหรือดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย โดยปราศจากการยินยอมของครอบครัวหรือผู้ปกครอง คือการก่ออาชญากรรมสงคราม ที่ตรงกับคำนิยาม "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ในสนธิสัญญาของสหประชาชาติ
รัสเซีย อ้างว่ามันเป็นการอพยพผู้คนโดยสมัครใจ และปกป้องเด็กๆ ผู้อ่อนแอจากโซนสงคราม
เมื่อถามถึงเป้าหมายของการเจรจาอย่างกว้างๆ วอล์ทซ์ บอกว่าหลังจากเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงทะเลดำ "เราจะพูดถึงแนวควบคุม ซึ่งก็คือแนวหน้าจริงๆ และจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับกลไกการตรวจสอบ กองกำลังรักษาสันติภาพ การตึงแนวหน้าไว้ในจุดปัจจุบัน และแน่นอน จากนั้นก็เป็นสันติภาพที่ถาวรและอย่างครอบคลุม"
(ที่มา : รอยเตอร์)