ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่วุ่น ยสท. วิ่งล็อบบี้คลังเปิดอัตราภาษีใหม่ทำบุหรี่ราคาถูกซองละ 40 บาท สู้คู่แข่ง และแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน
รายงานจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เนื่องจากการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ได้เสนอให้กระทรวงการคลังเพิ่มอัตราการเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่จากปัจจุบันที่มี 2 อัตรา เป็น 3 อัตรา เพื่อทำให้สามารถทำบุหรี่ราคาถูกที่ประมาณซองละ 40 บาท โดยคิดว่าจะแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้ รวมถึงการทำบุหรี่ราคาถูกดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนบุหรี่ผิดกฎหมายลดลงได้
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังไม่เห็นด้วยตามข้อเสนอของ ยสท. เพราะอดีตที่ผ่านมาคู่แข่งสามารถปรับแผนการตลาดออกบุหรี่ใหม่มาสู้กับ ยสท. ได้ทุกครั้ง นอกจากนี้ เหตุผลเรื่องการทำบุหรี่ถูกมาขาย จะช่วยลดปัญหาบุหรี่เถื่อนก็ยังสวนทางจากข้อเท็จจริงจากผลการสำรวจของเอกชน ที่พบว่า การบริโภคบุหรี่เถื่อนของไทยในปี 2567 ก้าวกระโดดเพิ่มเป็น 25% จาก 4 ปีก่อนหน้ามีตัวเลขอยู่ที่ 4-6% เท่านั้น
ทั้งนี้ การเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ที่เก็บปัจจุบันเป็นการเก็บทั้งขาปริมาณที่ 1.25 บาทต่อมวน และเก็บตามมูลค่าแบ่งเป็น 2 อัตรา โดยบุหรี่ที่ขายซองละไม่เกิน 72 บาท เสียภาษี 25% ของราคาขายปลีก และหากมีราคาเกิน 72 บาทต่อซอง จะเก็บภาษีในอัตรา 42% ของราคาปลีกโดยภายใต้โครงสร้างภาษีบุหรี่ปัจจุบันบุหรี่ส่วนใหญ่ในตลาดจะขายอยู่ที่ราคา 65-72 บาทต่อซอง แต่หาก จะทำให้ ยสท. สามารถผลิตบุหรี่ราคาถูกซองละ 40 ออกมาสู้คู่แข่งและแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนให้ลดลงตามที่ ยสท. ต้องการ จะต้องมีการกำหนดอัตราภาษีใหม่ที่ลดลงจากอัตราปัจจุบัน
“กระทรวงการคลังยังไม่ได้บอกว่า เห็นด้วยตามข้อเสนอของ ยสท. เพราะข้อเสนอยังมีจุดอ่อนคิดเข้าข้างตัวเอง เพราะคลังมองว่าให้ทำบุหรี่ราคาถูกแค่ไหน จะเป็นซองละ 40 บาท หรือ ซองละ 30 บาท คู่แข่งของ ยสท. ก็ทำการตลาดออกบุหรี่ใหม่ราคาถูกกว่ามาสู้ ยสท. ได้ ข้อเสนอของ ยสท. ยังคิดไม่ทะลุ และไม่ใช่ทางออก เป็นการออกมาเพื่อปกป้ององค์กรตัวเอง โดยที่ไม่ได้มองว่าคู่แข่งก็ทำได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งอุตสาหกรรมบุหรี่ทั้งหมด ผู้ประกอบการจะมีรายได้ลดลง รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตลดลงตามไปด้วย
ขณะที่การแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนก็ไม่ได้ให้ดีขึ้น และอาจถูกฟ้องผิดกฎการค้าระหว่างประเทศของ WTO โดยถูกหาว่าประเทศไทยปกป้องผู้ประกอบการภายในประเทศ ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรม” แหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผย
ก่อนหน้านี้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช. คลัง เปิดเผยเมื่อต้นเดือน มี.ค. 2568 ระหว่างไปตรวจเยี่ยมให้นโยบายการสรรพสามิต ว่า การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ อยู่ระหว่างการสรุปขั้นตอนสุดท้าย จะต้องเป็นโครงสร้างภาษีบุหรี่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ สามารถลดการบริโภคบุหรี่เถื่อนได้ ส่วนจะเป็นโครงสร้างภาษีหลายอัตราหรือเหลืออัตราเดียวยังไม่ได้ข้อสรุป
ด้านนางสาวกุลยา ตันติเตมิต อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า โครงการสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ยังไม่ได้ข้อสรุป ทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้เสียอยู่ระหว่างการพิจารณาหารือร่วมกันอยู่
ก่อนหน้านี้ ย้อนไปเมื่อกลางปี 2567 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีธนารักษ์ ที่ขณะนั้นเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต เคยเปิดเผยไว้ว่า กรมสรรพสามิตกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีบุหรี่ใหม่ จากที่แบ่งเก็บภาษีมูลค่าเป็น 2 อัตราให้เหลือเป็นอัตราเดียว ส่วนภาษีขาปริมาณบุหรี่ยังคงไว้อัตราเดียวเหมือนเดิม เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากลและ WHO รวมทั้งเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย เนื่องจากการศึกษาข้อมูลพบว่าที่ผ่านมาทั่วโลกมีการเก็บภาษีบุหรี่เป็นแบบอัตราเดียวเหมือนกันทั้งหมด ยกเว้น 7 ประเทศในโลกมีการเก็บภาษีบุหรี่หลายอัตราเหมือนกับไทย อาทิ อินเดีย อียิปต์ อุซเบกิสถาน ทั้งนี้ มีหลักการพิจารณาเก็บภาษีบุหรี่อัตราเดียว 5 ประเด็น ได้แก่ ขนาดตลาดของบุหรี่ที่ลดลง เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบในประเทศไทยจะต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รายได้ของกรมสรรพสามิตไม่ลดลง อัตราภาษีบุหรี่อัตราเดียวต้องเป็นสากลและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศและผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ และต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยของสุขภาพประชาชน