ธปท.เตือนซื้อหนี้เสีย กระทบเศรษฐกิจ
ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับข้อเสนอให้ซื้อหนี้ของประชาชนจากสถาบันการเงิน อันเป็นแนวคิดมาจาก 'ทักษิณ ชินวัตร' ปรากฎว่ายังคงมีเสียงวิจารณ์ต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นคิวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งแสดงความคิดเห็นผ่านกลุ่มไลน์ 'BOT PR 2014' ซึ่งเป็นการคำถามผู้สื่อสื่อข่าวที่สอบถามในประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ที่ผ่านมา ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ธปท. คำนึงถึงหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. ต้องสนับสนุนวินัยทางการเงินที่ดี ไม่สร้างแรงจูงใจที่ผิด จนทำให้เกิดปัญหา moral hazard กล่าวคือ ต้องมีกลไกส่งเสริมให้ลูกหนี้มีวินัย และมีความรับผิดชอบทางการเงิน ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเป็นหนี้ซ้ำซ้อนในอนาคต
2. สนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในระยะข้างหน้า กล่าวคือ ความช่วยเหลือที่ให้ ต้องไม่ไปลดทอนความแม่นยำในการประเมินความเสี่ยงของเจ้าหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ด้วยต้นทุนที่เป็นธรรม
3. ต้องแก้ปัญหาหนี้อย่างตรงจุด และเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบการเงินในภาพรวม โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรและงบประมาณของประเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยมีความซับซ้อนจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการช่วยกันแก้ไขปัญหา การออกแบบมาตรการจึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างครบวงจร โดยคำนึงถึงสาเหตุของปัญหา หลักการของการทำมาตรการ และผลข้างเคียงอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดผลสูงสุดแก่ทั้งลูกหนี้ และระบบเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
ขณะที่ ในฟากของฝ่ายการเมืองก็ยังคงมีเสียงท้วงติงพอสมควร โดยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า แนวคิดนี้ไม่ใช่แนวคิดใหม่ เพราะนายทักษิณได้เคยแสดงวิสัยทัศน์ไว้นานแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ในช่วงนี้ คงต้องการดึงความเชื่อมั่นในการแก้ไขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการที่นายทักษิณเดินทางไป จ.พิษณุโลก จึงมีความจำเป็นที่ต้องพูดอะไรโดนใจประชาชนที่มีปัญหา เลยต้องนำเรื่องนี้กลับมาขายใหม่
"แก้ปัญหาไม่ตรงจุดแน่นอน มองว่าธนาคารพาณิชย์จะได้ประโยชน์ที่สุด เพราะจะได้เคลียร์หนี้เสียที่มีอยู่ แต่ถ้าถามว่า จะทำให้เศรษฐกิจดีได้เลยหรือไม่ ก็ยังต้องทำอีกหลายเรื่อง เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตไม่ดี และสุดท้ายธนาคารก็ยังไม่ปล่อยกู้ใหม่อยู่ดี เพราะเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต จะมีแต่ต่ำเตี้ยไปเรื่อยๆ กลัวจะไม่ได้เงินคืน" นางศิริกัญญา แสดงความคิดเห็น