ที่ประชุมวุฒิสภาไม่เห็นชอบ "สิริพรรณ นกสวน สวัสดี" และ "ชาตรี อรรจนานันท์" เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แม้ สว.บางส่วนโน้มน้าวให้เลือก ท่ามกลางเสียงวิจารณ์กรณีเคยลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 เมื่อปี 2555 ขณะที่ "นันทนา" เสนอให้ชะลอลงมติ อ้างคดีฮั้ว สว. แต่ประธานไม่รับมติ
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่ประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 23 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ซึ่งมีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม มีวาระการลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 คน ได้แก่ ศ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงศุล และอดีตเอกอัครราชทูต ประจำกรุงเฮก
ปรากฎว่า ศ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง หรือ 100 คะแนน โดยมีคะแนนไม่เห็นด้วย 136 เสียง เห็นด้วย 43 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง จากจำนวนผู้เข้าประชุม 187 คน ขณะเดียวกัน นายชาตรี ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่ง โดยมีคะแนนไม่เห็นด้วย 115 เสียง เห็นด้วย 47 เสียง งดออกเสียง 22 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง
สำหรับบรรยากาศเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สว. ต่างอภิปรายและโต้เถียงอย่างดุเดือด โดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า สว.พันธุ์ใหม่ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาให้ที่ประชุมชะลอการลงมติดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้มีการตรวจสอบที่มาของ สว. โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และมีการยื่นเรื่องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ สว.ชุดปัจจุบันหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากยังคงให้ลงมติจะมีปัญหา และส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งเป็นโมฆะ จึงขอให้รอการตรวจสอบที่มาของ สว. สิ้นสงสัยก่อน
แต่ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. โต้แย้งว่า เป็นหน้าที่ของ สว. ให้การลงมติเห็นชอบ การชะลอการลงมติเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบวาระต่อไป ทำให้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานการประชุม วินิจฉัยว่า ญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าว ไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะ สว.มีอำนาจเต็มในการพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ดำเนินการต่อไป
ขณะที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว.ฐานะเลขานุการ วิปวุฒิสภา โต้แย้งด้วยว่า หากตนจะเกเรบ้าง ไม่คำนึงถึงอำนาจหน้าที่และขอโหวตเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญจะยอมหรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่ประธานวินิจฉัยถือว่าถูกต้องและพร้อมรับการตรวจสอบ วันนี้ มีหน่วยงานไหนที่มีอำนาจเหนือ สว. มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือการกระทำมีสิ่งไหนที่ผิดระเบียบหรือรัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อ น.ส.นันทนา กล่าวว่า ขณะนี้สังคมได้มองการทำหน้าที่ของ สว. และหากการลงมติดังกล่าวต่อไป อาจจะมีปัญหาได้ นายวุฒิชาติ จึงโต้กลับไปว่า ญัตติที่เสนออยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของรัฐธรรมนูญ ไม่กลัวการลงมติ เพราะประชาชนแยกแยะออกในสิ่งที่ สว.ดำเนินการ ซึ่งไม่ได้อยู่นอกรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ขอให้ดำเนินการตามระเบียบวาระประชุมต่อไป
สำหรับญัตติที่ น.ส.นันทนา เสนอให้ที่ประชุมชะลอการลงมติดังกล่าว พล.อ.เกรียงศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่รับเป็นญัตติ และให้ดำเนินการตามวาระต่อไป ทำให้ น.ส.นันทนา ร้องขอให้การเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าวบันทึกการประชุมแทน ซึ่ง พล.อ.เกรียงไกร ย้ำว่า การประชุมวุฒิสภาทุกครั้ง จะมีการบันทึกการประชุมและทุกคนทราบดี จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณาวาระตามระเบียบต่อไป
พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติฯ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด คนที่กล่าวอ้างนอกเหนือรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นเรื่องนอกจากรัฐธรรมนูญ นอกจากต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และ สว.ที่เข้ามาตามระบบ ต้องทำงานตามประมวลจริยธรรมด้วย ขอความกรุณา ให้ความเคารพสภาแห่งที่ ซึ่งเป็นที่ทำงาน ที่ได้อยู่มีหน้ามีตาในสังคมเพราะสภาแห่งนี้ อย่าด้อยค่าตัวเอง หรือ สว. ไม่มีประโยชน์ อย่ากระเหี้ยนกระหือรือทำในสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จากนั้นได้มีการอภิปรายถึงคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ปรากฎว่าที่ประชุมมีการหยิบยกกรณีที่ก่อนหน้านี้ ศ.สิริพรรณ เป็นที่วิจารณ์ว่าครั้งหนึ่งเคยร่วมลงชื่อเพื่อขอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อปี 2555 โดยพบว่า สว.บางส่วนพยายามโน้มน้าวสนับสนุน ศ.สิริพรรณ ได้แก่ นายปริญญา วงศ์เชิดขวัญ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ และนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภา