xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.สั่งสอบวินัยร้ายแรง พ.ต.อ.พกโพยสอบตุลาการ ไล่เบี้ยไปช่วยราชการ กอ.รมน.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งต้นสังกัดตั้งสอบวินัยร้ายแรง "พันตำรวจเอก" ทุจริตพกเอกสารเข้าห้องสอบ ฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง พร้อมสั่งตรวจสอบไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ อีกด้านพบโพยเข้าห้องสอบเป็นข้อกฎหมาย แต่ตามกฎสนามสอบห้ามนำตำรา หนังสือ บันทึกข้อความเข้าไปชัดเจน

วันนี้ (17 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) นายหนึ่ง ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่ามีการพกเอกสารเข้ามาในห้องสอบ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่อาคารสอบ The Deck ชั้น 1 ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา (15 มี.ค.) โดยคลิปดังกล่าวถูกส่งต่อในกลุ่มไลน์ตำรวจ และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบเรื่องแล้ว ได้สั่งการให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจ ยศพันตำรวจเอกจริง ตำแหน่งรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 (รอง ผบก.อก.ภ.8) แต่มีคำสั่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นจากตุลาการศาลปกครอง ที่ทำหน้าที่ประจำหน่วยสอบ ได้ตรวจพบการทุจริตการสอบ นำโพยเข้าไปลอกในสนามสอบ จึงประสานมายังตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ภ.จว.ปทุมธานี)

พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อธิเมศร์ ไชยศรัณวิชย์ ผกก.สภ.คลองหลวง ได้เดินทางไปยังศูนย์สอบฯ ดังกล่าว และได้พบกับคณะตุลาการที่ควบคุมการสอบคัดเลือกฯ ได้รับฟังข้อเท็จจริงในการทุจริต จากนั้นได้พูดคุยกับข้าราชการตำรวจรายดังกล่าว ได้ยินยอมให้บันทึกถ้อยคำ และทางคณะตุลาการที่คุมสอบแจ้งว่าจะประชุมสรุปข้อเท็จจริง และเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องต่อไป โดย ผบ.ตร. ได้สั่งย้ำไปที่ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 ให้ ภ.จว.ปทุมธานี ประสานกับทางสำนักงานศาลปกครอง ให้ดำเนินการตามข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงไป สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทราบข้อเท็จจริงและพิสูจน์ความผิดต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ส่วนทางวินัยนั้น ผบ.ตร. ได้สั่งการให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริง ถือเป็นวินัยร้ายแรง ฐานการกระทำอันเชื่อได้ว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 112 (6) ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อหน่วยงานองค์กร รวมทั้งให้พิจารณาการสั่งให้พักหรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย พร้อมสั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ กอ.รมน. เป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ การไปช่วยราชการนั้นมีหน้าที่อะไร และในการไปสอบเป็นเวลาปฏิบัติราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่

พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า ผบ.ตร. ย้ำว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเอาจริงเอาจัง ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ทั้งคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการทางวินัย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะข้าราชการตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมาย แต่กระทำผิดทุจริตในการสอบ จะไปรักษาความเที่ยงธรรมกับผู้อื่นได้อย่างไร และเป็นการสอบเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ย่อมเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ จะเร่งดำเนินการทุกมิติ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ตำรวจยศพันตำรวจเอกคนดังกล่าว เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 44 (นรต.44) อายุ 57 ปี และจบการศึกษาปริญญาเอก มีผลงานทางวิชาการสมัยเป็นนักศึกษาสาขาอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เคยถูกย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (รอง ผบก.กฝ.บช.ตชด.) เมื่อปี 2562 ก่อนย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 (รอง ผบก.ตชด.ภาค 2) เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2566 และตำแหน่งล่าสุด รอง ผบก.อก.ภ.8 แต่ปรากฎว่าพันตำรวจเอกนายนี้ กลับไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2565 เป็นต้นมา โดยไม่ไปที่ทำงานต้นสังกัด อ้างว่าไปช่วยราชการหน่วยอื่น กระทั่งมีการเปลี่ยนชื่อ และมาสมัครสอบตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าว

อนึ่ง ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น มีการออกแนวปฏิบัติในการเข้ารับการสอบข้อเขียน หนึ่งในนั้นคือ ข้อที่ 3.7 ระบุว่า "ไม่นำตำรา หนังสือ บันทึกข้อความ หรือวัสดุอุปกรณ์อื่นใด ไม่ว่าจะเกี่ยวกับวิชาที่สอบหรือไม่เข้าไปในห้องสอบ" แต่จากคลิปจะเห็นว่ามีการนำเอกสารเข้าไปในห้องสอบ แม้ภายหลังพบว่าเป็นข้อกฎหมายที่ใช้เขียนตอบข้อสอบ ไม่ใช่ธงคำตอบก็ตาม แต่ตามแนวปฎิบัติกำหนดห้ามนำบันทึกข้อความเข้าไปในห้องสอบอย่างชัดเจน ขณะที่เจ้าตัวกล่าวกับสื่อมวลชน โดยอ้างว่าเอกสารดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตนโน้ต (บันทึก) ไว้เพื่อท่องจำ ไม่มีความจำเป็นที่จะทำเรื่องทุจริตในการสอบ และถ้าทำจริงก็ไม่ได้โง่อะไรขนาดนั้น อีกทั้งตนรับไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่มาดึงมือเป็นแผลเลือดไหลโชก




กำลังโหลดความคิดเห็น