เอพี – ทั้งรัสเซียและยูเครน ต่างกล่าวหาอีกฝ่ายถล่มทางอากาศหนักหน่วงเมื่อคืนวันศุกร์ (14 มี.ค.) หรือไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากปูตินพบผู้แทนของทรัมป์เพื่อหารือรายละเอียดข้อเสนอหยุดยิง 30 วันในยูเครน ขณะที่เซเลนสกี้เตือนรัสเซียอาจถูกคณะบริหารทรัมป์ตอบโต้รุนแรง ถ้าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวของอเมริกา
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) แสดงการสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงในหลักการ แต่กำหนดรายละเอียดหลายข้อที่ต้องการคำอธิบายอย่างชัดเจนก่อนที่รัสเซียจะยอมตกลง ขณะที่ฝ่ายยูเครนรับรองข้อเสนอดังกล่าวของอเมริกาแล้ว แม้เจ้าหน้าที่ยูเครนตั้งข้อสงสัยว่า มอสโกจะปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ให้สัมภาษณ์ในวันเสาร์ (15 มี.ค.) ภายหลังหารือเสมือนกับผู้นำตะวันตกที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษว่า ยูเครนสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงอย่างสมบูรณ์นาน 30 วันเพื่อหารือแผนการสันติภาพระยะยาว แต่รัสเซียเป็นฝ่ายพยายามขัดขวางการเจรจาด้วยเงื่อนไขต่างๆ
ทางด้านเคียร์เมอร์เรียกร้องพันธมิตรร่วมกันกดดันปูตินให้ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน และสำทับว่า ไม่ช้าก็เร็วปูตินจะต้องร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพ
ในแถลงการณ์ก่อนหน้านั้น เซเลนสกี้ยังกล่าวหามอสโกสะสมกำลังพลตามแนวชายแดน บ่งชี้เจตนาในการเพิกเฉยต่อการดำเนินการทางการทูตและต้องการยื้อให้สงครามดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนย้ำว่า ถ้ารัสเซียไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของอเมริกา คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะตอบโต้อย่างรุนแรงและตรงไปตรงมา
เขายังบอกว่า กองกำลังเคียฟยังคงปักหลักสู้รบกับทหารรัสเซียและเกาหลีเหนือในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย และยืนยันว่า ไม่ได้ถูกปิดล้อมอย่างที่ทรัมป์ระบุเมื่อวันศุกร์ (14 มี.ค.) ว่า ทหารยูเครนหลายพันนายตกอยู่ในวงล้อมของกองทัพรัสเซีย
ขณะเดียวกัน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเมื่อวันเสาร์เกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปภายหลังการประชุมกันที่ซาอุดีอาระเบีย และตกลงร่วมมือกันเพื่อฟื้นการสื่อสารระหว่างสองประเทศต่อไป
ในวันเดียวกันนั้น กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า รัสเซียส่งโดรน 178 ลำ และขีปนาวุธทิ้งตัว 2 ลูกโจมตียูเครนเมื่อคืนวันศุกร์ โดยในส่วนโดรนนั้นมีทั้งโดรนชาเฮดและโดรนเลียนแบบที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสับสนให้กับระบบป้องกันภัยทางอากาศ อย่างไรก็ดี ยูเครนสามารถทำลายโดรนเหล่านั้น 130 ลำ ขณะที่อีก 38 ลำไปไม่ถึงเป้าหมาย
ดีเทค บริษัทพลังงานเอกชนของยูเครนแถลงว่า รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์และโอเดสซา ส่งผลให้เกิดความเสียหายรุนแรง และประชาชนบางพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยบริษัทกำลังเร่งแก้ไขเพื่อให้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อีกครั้งโดยเร็วที่สุด
ที่รัสเซีย อันเดรย์ โบชารอฟ ผู้ว่าการแคว้นโวลโกแกรด เผยว่า ซากโดรนที่ตกลงมาทำให้เกิดไฟไหม้ในเขตคราสนาร์มิสกีใกล้โรงกลั่นน้ำมันลุคออยล์ ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า สนามบินในบริเวณใกล้เคียงปิดให้บริการชั่วคราว แตไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ทั้งนี้ โรงกลั่นน้ำมันในโวลโกแกรดเป็นเป้าหมายของกองกำลังเคียฟมาหลายครั้งนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเต็มพิกัดเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว ล่าสุดคือการโจมตีด้วยโดรนเมื่อวันที่ 15 ก.พ.