xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญหวั่นมาตรการภาษีทรัมป์เลยเถิด จุดชนวนสงครามการค้า-วงจรตอบโต้ไม่รู้จบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของอเมริกาถูกเก็บจากชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในออนแทรีโอ อันเป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้ของแคนาดาต่อมาตรการภาษีของทรัมป์
ผู้นำธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญหวั่นมาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ที่ลุกลามอย่างรวดเร็วกลายเป็นสงครามการค้าแบบตาต่อตา-ฟันต่อฟันทั่วโลก อาจดันอัตราเงินเฟ้อพุ่ง เพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่ผู้นำสหรัฐฯ คาดหวัง อีกทั้งลุกลามเกินการควบคุม ถ้าประเทศต่างๆ ติดกับดักวงจรการตอบโต้ไม่รู้จบ

เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งบริดจ์วอเตอร์ กล่าวในงานคอนเวิร์จ ไลฟ์ของซีเอ็นบีซีที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์เมื่อวันพุธ (12 มี.ค.) ว่า ภาษีศุลกากรกำลังจะทำให้ประเทศต่างๆ ตีกัน ซึ่งจะส่งผลตามมาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ มาตรการภาษีศุลกากร 25% ของทรัมป์ที่เรียกเก็บจากอลูมิเนียมและเหล็กกล้านำเข้ามีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธ ส่งผลกระทบต่อสหภาพยุโรป (อียู) ออสเตรเลีย แคนาดา และอีกหลายประเทศ

สงครามภาษี
อียูตอบโต้มาตรการภาษีศุลกากรเหล็กกล้าและอลูมิเนียมของทรัมป์อย่างรวดเร็วด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ อาทิ ยีนส์ เรือ และวิสกี้ มูลค่ากว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนหน้า

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แถลงเมื่อวันพุธว่า ภาษีศุลกากรเลวร้ายสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค อีกทั้งทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และนำมาซึ่งความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจ
ทางด้านทรัมป์ไม่พอใจอย่างยิ่งและยืนยันว่า จะตอบโต้บรัสเซลส์แน่นอน วันต่อมา (13 มี.ค.) เขาขู่ว่า จะรีดภาษีไวน์ แชมเปญ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ของยุโรป 200%

เสี่ยงถดถอย
อเล็ก เคอร์สแมน กรรมการผู้จัดการและประธานภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกของพิมโค เตือนว่า มาตรการภาษีศุลกากรเพิ่มความเสี่ยง 35% ที่เศรษฐกิจอเมริกาจะเผชิญภาวะถดถอยในปีนี้ จากที่เคยคาดไว้ที่ 15% เมื่อเดือนธันวาคม

บรูซ แคสแมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเจพีมอร์แกน คาดว่า มีความเป็นไปได้ 40% ที่อเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 50% หากทรัมป์บังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ตั้งแต่เดือนหน้าตามที่ขู่ไว้ แคสแมนยังเตือนว่า สถานะจุดหมายปลายทางการลงทุนที่น่าเชื่อถือของสหรัฐฯ อาจได้รับความเสียหายระยะยาว หากทรัมป์ยังคงบ่อนทำลายธรรมาภิบาลของประเทศ

เคนต์ สเมตเตอร์ ศาสตราจารย์วอร์ตัน สกูล มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย คิดว่า มีโอกาส 50-50 ที่อเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้

การใช้จ่ายของผู้บริโภค
คามาล บาเทีย ประธานและซีอีโอพรินซิพัล แอสเส็ต แมเนจเมนต์ ชี้ว่า คนส่วนใหญ่มัวแต่สนใจผลกระทบจากภายนอกที่มีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และประเมินแนวโน้มการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นต่ำเกินไป สำหรับเขาคิดว่า สงครามการค้าจากมาตรการภาษีศุลกากรแท้จริงแล้วอาจหมายความว่า ผู้บริโภคจะใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากประเทศต่างๆ อาจกลับไปโดดเดี่ยวตัวเองซึ่งนำไปสู่ลัทธิชาตินิยมและการเติบโตของจีดีพี
โจ ไซ ประธานกรรมการอาลีบาบา คิดคล้ายกันและบอกว่า มาตรการภาษีศุลกากรและประเด็นภูมิรัฐศาสตร์จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในของจีนได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ โนมูระประเมินว่า ภาษีศุลกากรที่อเมริกาเรียกเก็บจากสินค้าจีนเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 33%

ไซเสริมว่า ผู้บริโภคจีนมีสถานะการเงินดีมาก งบดุลครัวเรือนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ยอดการออมภาคครัวเรือนที่พร้อมนำออกมาใช้จ่ายอยู่ที่กว่า 20 ล้านล้านดอลลาร์
ประธานกรรมการอาลีบาบายังมองแง่ดีว่า คณะบริหารของทรัมป์จะต้องการให้บริษัทอเมริกันเข้าไปทำธุรกิจในจีนมากขึ้น และที่สุดแล้วมาตรการภาษีศุลกากรอาจเป็นเพียงเครื่องมือในการต่อรองเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่า สงครามการค้าอาจลุกลามต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทรัมป์ส่งสัญญาณว่า ยังไม่คิดหยุดเร็วๆ นี้ แม้วอลล์สตรีทคัดค้านดังขึ้นก็ตาม มิหนำซ้ำทรัมป์ยังขู่ออกมาตรการภาษีศุลกากรแบบอื่นๆ ที่รวมถึงภาษีศุลกากรตอบโต้ที่กำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งแน่นอนว่า จะกระตุ้นให้หลายประเทศออกมาตรการตอบโต้กลับอีกรอบ

ที่ผ่านมาจีนเป็นชาติหนึ่งที่ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกกระทำฝ่ายเดียว แต่ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกา 10-15% มีผลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.)

แมรี เลิฟลี นักวิชาการอาวุโสของสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ เตือนว่า ถ้าผู้นำประเทศต่างๆ ไม่ระวังให้ดี อาจติดกับดักวงจรการตอบโต้ ส่งผลให้สงครามการค้าลุกลามเกินการควบคุมอย่างรวดเร็ว

สัญญาณเตือนจากภาคธุรกิจ
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า แวดวงธุรกิจอเมริกากังวลมากขึ้นกับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงจากสงครามการค้า

วันพุธบิสเนส ราวด์เทเบิลเปิดเผยว่า ดัชนีซีอีโอ อิโคโนมิก เอาต์ลุคปรับลดลง และซีอีโอต่างลดแผนการจ้างงานและการลงทุน
การสำรวจความคิดเห็นซีอีโอบริษัทชั้นนำ 100 แห่งของอเมริกาที่จัดทำขึ้นในที่ประชุมซีอีโอ คอคัสของเยล ชีฟ เอ็กเซ็กคิวทีฟ ลีดเดอร์ชิป อินสติติวท์เมื่อวันอังคาร (11 มี.ค.) ยังพบว่า ซีอีโอ 85% ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการค้าของทรัมป์
ในงานประชุมดังกลาวที่มีซีอีโอบริษัทชั้นนำหลายแห่งเข้าร่วม อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, ไฟเซอร์, อเมริกัน แอร์ไลนส์ ฯลฯ มีการเปิดเผยว่า ซีอีโอ 94% กังวลว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น และ 85% เชื่อว่า มาตรการนี้กำลังส่งผลตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทรัมป์คาดหวัง

เจฟฟรีย์ ซอนเนนเฟลด์ ผู้ก่อตั้งเยล ชีฟ เอ็กเซ็กคิวทีฟ ลีดเดอร์ชิป อินสติติวท์ กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า ผู้นำธุรกิจทั่วโลกเชื่อว่า มีเหตุผลชอบธรรมในการใช้มาตรการภาษีศุลกากรแบบเลือกสรร แต่การโจมตีแบบเหวี่ยงแหต่อทั้งพันธมิตรและศัตรูของอเมริกาแบบที่ทรัมป์ทำอยู่ตอนนี้น่าตกใจและน่าอับอายไปพร้อมกัน

กระนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะรู้ว่า สงครามการค้าจะดำเนินต่อไปอย่างไร และส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินมากน้อยแค่ไหน

เลิฟลีจากสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ มองแง่ดีว่า ผู้นำประเทศต่างๆ อาจลังเลที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับทรัมป์เนื่องจากไม่ต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศตนบอบช้ำมากขึ้น ซึ่งจะทำให้วงจรการตอบโต้ตาต่อตา-ฟันต่อฟันยุติลง
นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่า ทรัมป์อาจถูกกดดันให้ยุติมาตรการภาษีศุลกากร หากเศรษฐกิจอเมริกาเริ่มอ่อนแอลงอย่างแท้จริงหรือถ้าวอลล์สตรีทโวยวายหนักขึ้น
ไซมอน จอห์นสัน ประธานโกลบัล อิโคโนมิกส์ แอนด์ แมเนจเมนต์ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตส์ (เอ็มไอที) เห็นด้วยว่า ทรัมป์อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก การออกหรือขู่ออกมาตรการภาษีศุลกากรทุกครั้งทำให้สถานการณ์ของผู้นำสหรัฐฯ แย่ลง และถ้าทรัมป์ยังดื้อดึง ราคาสินค้าจะแพงขึ้นและเศรษฐกิจอเมริกาซวนเซกว่าเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น