ปฏิบัติการไล่บี้ทุจริตในสำนักงานประกันสังคม (สปส.) แบบดุเดือดเลือดพล่าน ทำให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นั่งไม่ติดเลยทีเดียว เพราะถูกโยงอาจมีส่วนรู้เห็นในการเข้าซื้อบริษัทเจ้าของตึก SKYY9 มูลค่า 7 พันล้านบาท จากราคาประเมินเพียง 3,000 กว่าล้านบาท เท่านั้น
เมื่อเรื่องราวทำท่าจะบานปลายใหญ่โต ทางรัฐบาลจึงรีบตัดไฟแต่ต้นลม โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน เซ็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง การใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา
อาจเรียกได้ว่านาทีนี้ “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รองหัวหน้าพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถูกรุมกินโต๊ะ ทั้งจากฝ่ายค้าน โดย “ไอซ์ – รัชนก ศรีนอก” สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน หัวหมู่ทะลวงฟัน นำทีมขุดคุ้ยแบบไม่พัก และฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเอง เพราะเมื่อ สปส.ถูกเปิดแผล กระแสสังคมก็กระหน่ำ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็สั่งให้ตรวจสอบโดยเร็ว
หลังจากนั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็มาขอให้ “หัวหน้าหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาสอบเรื่องดังกล่าวให้ได้ข้อเท็จจริงโดยพลัน
เบื้องแรกนี้ “เสี่ยหนู” ตอบคำถามการซื้อตึกมูลค่า 7,000 ล้านบาท มีความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรี หรือไม่ อย่างไร ว่า ไม่รู้ว่าเชื่อมโยงอะไรถึงใคร ขอให้เป็นไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริง
การสอบเค้นเอาข้อมูลของคณะกรรมการฯ ที่นายอนุทิน ตั้งขึ้นมาให้มีกรอบเวลาทำงาน 90 วันนั้น นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ตกเป็นเป้าหมายใหญ่ เพราะนั่งเป็นเลขาธิการ สปส. ในช่วงเกิดเหตุ ส่วนจะสาวถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังที่ว่ากันว่าเป็นถึงระดับรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องจับตาดูกัน โดยต้องไม่ลืมว่า เกมขย่มพรรครวมไทยสร้างชาติ อยากเขี่ยให้พ้นรัฐบาลนั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง
เบื้องหน้าเบื้องหลังของการซื้อตึกแพงของ สปส.ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงนั้น นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน และ “ไอซ์ – รัชนก” แฉว่า สปส.ใช้งบประมาณกองทุนฯกว่า 7 พันล้านบาท ซื้อบริษัทที่ถือกรรมสิทธิ์ในอาคาร SKYY9 และไม่ได้ซื้อแค่ตึก แต่บริษัทนี้มีหนี้สินอยู่กว่า 2 พันล้านบาท การเอาเงินไปซื้อบริษัทพร้อมตึกพร้อมหนี้สิน เกิดขึ้นในสมัยที่นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นั่งเป็นเลขาธิการ สปส. แถมยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นายสุชาติ ส่งคนของตนเองไปอยู่ในอนุกรรมการการลงทุนใน สปส.อีกด้วย
คล้อยหลัง น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน แถลงข่าว “แฉเสียดฟ้า กองทุนประกันสังคมจงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่” นายสุชาติ ชมกลิ่น ก็ออกมาโต้ตอบ “ไอซ์ - รัชนก” ในทำนองไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เกี่ยว
นายสุชาติ แจกแจงว่า ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม รัฐมนตรีไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยวแม้กระทั่งรับรู้ ไม่มีสิทธิไปแต่งตั้งบอร์ดต่าง ๆ จนเมื่อเลขาธิการ สปส. พิจารณาเสร็จแล้ว ตนถึงจะมีสิทธิลงนามเท่านั้น และไม่มีหน้าห้องไปนั่งอนุกรรมการลงทุน ส่วนที่บอกว่ามีคณะที่ปรึกษาไปนั่งนั้น คนที่ไปนั่งตรงนั้นเป็นบอร์ดมาก่อนที่ตนเองจะมารับตำแหน่งเป็นสิบปี แล้วแบบนี้จะเกี่ยวอะไรกับตน ส่วนราคาตึกที่ประเมิน 3,000 ล้านบาท เป็นการประเมินช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง โดยบริษัทที่มีใบอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในบอร์ด
“...คนพูดไม่ใช่นักลงทุน ไม่มีความรู้แล้วมาโยงกับผม หรือเป็นเพราะเหตุผลทางการเมืองที่ผมต้องแข่งขันกับนายสหัสวัต ที่จังหวัดชลบุรีหรือเปล่า ...” นายสุชาติ โต้กลับ
นายสุชาติ ยังตอบคำถามที่ว่าเจ้าของตึกมีความใกล้ชิดกับนักการเมือง รวมถึงนายสุชาติ ด้วยเหรือไม่ว่า ไม่รู้จัก ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร แล้วบอร์ดลงทุนก็ไม่รู้มีใครบ้าง .... นี่มันการเมืองน้ำเน่า
ถึงแม้นายสุชาติ จะบอกว่านี่มันการเมืองน้ำเน่า แต่มีข่าววงในปูดว่า ชื่อผู้ที่ครอบครองกรรมสิทธิ์ของอาคาร SKYY9 Centre ก่อนที่จะขายให้กับ สปส. ในสมัยที่นายสุชาติ นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนั้น คือบุตรชายของนักการเมือง “ส.” ทั้งยังเมาท์กันว่าก่อนที่จะมีดีลขายอาคารดังกล่าวให้ สปส. นักการเมือง ส. เสนอให้พรรคการเมืองต้นสังกัดเลือกใช้อาคารนี้เป็นที่ทำการพรรคอีกต่างหาก จริงเท็จอย่างไรเป็นเรื่องที่รอการพิสูจน์
สำหรับท่าทีของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งได้ใจนักแฉเพราะออกมารับหนังสือร้องขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยยืนข้าง ๆ ให้ “ไอซ์ - รัชนก” แซะแบบไม่หวั่น ยืนยันว่าการขุดคุ้ยหาข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้ามั่นใจว่าเรามีความโปร่งใสจริงก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาขุดคุ้ย และการตรวจสอบการลงทุนซื้อตึกหรือโครงการทั้งหมดที่ถูกตั้งข้อสังเกตก็ต้องดูรายละเอียดทั้งหมดเพื่อความโปร่งใส ไม่อยากโทษใคร
มีคำชี้แจงจากนางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สปส. กรณีการพิจารณาเข้าลงทุนในอาคาร SKYY9 สำนักงานประกันสังคม ว่า สปส.ลงทุนผ่านกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (PE Trust) มีลักษณะเป็นหน่วยลงทุนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีการประเมินมูลค่าโดยผู้ประเมินราคาอิสระ 2 ราย ที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. มีราคาประเมินตามวิธีพิจารณาจากรายได้ ประมาณ 7,300 ล้านบาท และประเมินโดยวิธีพิจารณาต้นทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท สปส.ได้เข้าลงทุนจริงที่ราคา 6,900 ล้านบาท
เลขาธิการ สปส. ยังแจกแจงว่า ปัจจุบันอาคาร SKYY9 มีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 45% แบ่งเป็นผู้เช่าที่เข้าใช้พื้นที่แล้วประมาณ 25% ผู้เช่าที่อยู่ระหว่างการทยอยเข้าพื้นที่ภายในปีนี้อีกประมาณ 20% ทั้งนี้ ผู้บริหารอาคารได้จัดทำแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ขึ้นมา มีเป้าหมายปี 2568 ที่ประมาณ 68% และ สปส.มีแผนติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดทุกเดือน ผลตอบแทนเงินสดที่คาดว่าจะได้รับเมื่อมีอัตราการเช่าคงที่จะไม่ต่ำกว่าประมาณ 5% ยังไม่รวมมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่ดินและอาคารในอนาคต
นายพิพัฒน์ ตอบคำถามถึงการซื้อตึก Skyy 9 ได้ลงทุนผ่าน PE Trust โดยเฉพาะในกองทรัสต์เมเนเจอร์ เราใช้บลจ.MFC ผู้ดูแลผลประโยชน์ เราใช้ของบลจ. กรุงไทย (KTAM) ผู้จัดการตึกบริษัท คือ JLL และผู้ประเมินราคาอิสระอีก 2 ราย ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนกับก.ล.ต. มาประเมินราคา การซื้อตึกมีการทำตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง พร้อมขอยืนยันกระทรวงแรงงาน พร้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ และรับการตรวจสอบทุกมิติ ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก
สำหรับที่มาที่ไปของตึก SKYY9 ก่อนจะเป็นทรัพย์สินของ สปส. นั้น เดิมตึกอาคารสูง 36 ชั้น แห่งนี้ชื่อว่า I.C.E.Tower ถูกปล่อยทิ้งร้างจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 จากนั้นมีการซื้อขายเปลี่ยนมือในราคาประมาณ 1,000 ล้านบาท จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด มหาชน (BAM) จากนั้น เมื่อปี 2563 กลุ่มทุน บริษัท แคส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ซื้อมารีโนเวท ภายใต้ชื่อใหม่ CAS Centre Bangkok เมื่อรีโนเวทเสร็จ มูลค่าตึกรวมที่ดินตกอยู่ราวๆ 3,700 ล้านบาท
จากนั้นเมื่อปี 2565 Cas Centre ขายต่อให้เอกชนกลุ่มหนึ่ง และต่อมาไม่นาน กองทุนประกันสังคม โดยอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ได้ตั้งกองทุนทรัสต์ ขึ้นมาด้วยงบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท แบ่งการลงทุนในต่างประเทศ 3 พันล้านบาท อีก 7 พันล้านบาท นำไปซื้อบริษัทที่ถือครองอาคาร Cas Centre ดังกล่าว
สำหรับ “บริษัท” ที่กองทุนทรัสต์ ไปซื้อมา คือ บริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด หรือเดิมชื่อบริษัท เอจีอาร์อี101 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ แคส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของตึก Cas Centre
บริษัท ไพร์ม ไนน์ ฯ จดทะเบียนเมื่อปี 2560 ทำธุรกิจให้เช่าเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ฯ ถือหุ้น 100% โดย บริษัท ไพร์ม เซเว่น จำกัด ซึ่งเป็นโฮลดิ้งคอมปะนี มีทุนจดทะเบียน 5 พันล้านบาท โดยมีกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะทรัสตีของกองทุนประกันสังคม ถือหุ้น 100% นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 6,995,398,724 บาท หนี้สินรวม 2,000,872,826 บาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 27,181 บาท รายได้รวม 53,838,425 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 49,747,361 บาท รายจ่ายรวม 3,133,818 บาท เสียภาษีเงินได้ 150,437 บาท กำไรสุทธิ 806,809 บาท
เป็นหลักฐานที่ชี้ชัดว่า กองทุนประกันสังคม ใช้งบไปซื้อบริษัทเจ้าของตึก Skyy9 ทั้งที่บริษัทดังกล่าวมีหนี้ราว 2 พันล้านบาท
สำหรับสองตัวละครลับที่ถูกส่งเข้าไปนั่งในคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดก่อนที่จะมีการซื้อบริษัทดังกล่าวนั้น ปรากฏชื่อของ นายธีระวิทย์ วงศ์เพชร อดีตคณะทำงานที่ปรึกษานายสุชาติ ชมกลิ่น สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปัจจุบัน นายธีระวิทย์ เป็นคณะทำงานที่ปรึกษานายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังมีข่าวคราวเรื่องการซื้อตึก Skyy9 นายธีระวิทย์ แจงว่าบอร์ดใหญ่ สปส.ส่งไปนั่งเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษากองทุนสินทรัพย์นอกตลาดจริง แต่ไม่มีอำนาจการตัดสินใจเพียงแค่ไปร่วมประชุมและรับทราบการลงทุนเท่านั้น
ส่วนอีกคนคือ นายธีระพันธุ์ พืชผล ที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์ ยังไม่ออกมาชี้แจงแถลงไข
แต่อย่างไรก็ตาม ในชั้นนี้บุคคลทั้งสองยังไม่ได้ถูกเรียกสอบและตั้งข้อหาแต่ประการใด จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
นอกเหนือจากกรณีตึก SKYY9 แล้ว ประเด็นที่ “ไอซ์ - รัชนก” ชวนติดตามต่อก็คือ กองทุนประกันสังคม กำลังจะเพิ่มวงเงินลงทุนนอกตลาด จาก 10,000 ล้าน (ที่ซื้อตึก SKYY9 ไปแล้ว 7,000ล้าน) เป็น 130,000 ล้านบาท ซึ่งน่าห่วงคือสิ่งที่กองทุนทั่วโลกมีแต่กองทุนประกันสังคมไม่มีคือ กรอบหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานในการบริหารความเสี่ยง แปลว่าไม่มีอะไรการันตีว่าจะไม่เกิดแบบกรณี SKYY9 ขึ้นอีก และเงินลงทุน 130,000 ล้านบาท ก็จะกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองมหึมาของใครอีกหรือไม่
บลน.ฟินโนมีนา ชวนส่องพอร์ตประกันสังคม พบว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2567 เงินลงทุนของกองทุนประกันสังคม มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,586,369 ล้านบาท โดยลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงเพื่อความยั่งยืนของกองทุนในระยะยาว โดยมีการจัดสรรเงินลงทุนส่วนใหญ่ 70.69% หรือประมาณ 1.82 ล้านล้านบาท ไปยังหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ขณะที่อีก 29.31% หรือประมาณ 7.58 แสนล้านบาท ถูกจัดสรรไปยังหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการกระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนการลงทุนในประเทศ มูลค่า 1,805,939 ล้านบาท คิดเป็น 69.83% และต่างประเทศ มูลค่า 780,430 ล้านบาท คิดเป็น 30.17% สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารพอร์ตที่กระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนประกันสังคมเลือกลงทุน คือ หุ้นบริษัทชั้นนำของไทย และกระจายการลงทุนครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงาน, ปิโตรเคมี, ค้าปลีก, สุขภาพ และโทรคมนาคม โดยมีตัวอย่างหุ้นที่โดดเด่น ดังนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2024) PTT บริษัทน้ำมันและปิโตรเคมีรายใหญ่ของไทย SCC ผู้นำในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง CPALL เจ้าของร้านสะดวกซื้อ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ BDMS เจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ADVANC ผู้ให้บริการ AIS เครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ของไทย AOT บริษัทผู้ดำเนินการท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศไทย
การลงทุนของกองทุนประกันสังคม ที่บริหารเม็ดเงินนับล้านล้านบาทจากหยาดเหงื่อแรงงานของมนุษย์เงินเดือน ผู้ใช้แรงงาน นับจากนี้ต้องโปร่งใสและผู้ประกันตนต้องร่วมจับตาอย่างใกล้ชิด